เอาแล้ว! ปปช.ชี้มูล ญาติรัฐมนตรีคนดัง เอี่ยวขออนุญาตตั้งโรงงานผิดกฎหมาย
เอาแล้ว! ปปช.สระแก้ว ชี้มูลความผิดอาญา "อดีตนายก อบต." ญาติรัฐมนตรีคนดัง เอี่ยวขออนุญาตตั้งโรงงานผิดกฎหมาย
29 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิเชฐ พิมพา ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปช.ประจำจังหวัดสระแก้ว ได้เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าว ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2567 ทางด้านการปราบปรามการทุจริต ที่ห้องประชุมศาสตร์พระราชา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ วิทยาเขตสระแก้ว ระบุว่า
มีเรื่องตรวจสอบเบื้องต้น 92 เรื่อง และได้ดำเนินการไปแล้วคือ ไต่สวนเบื้องต้น 6 เรื่อง ไม่รับเรื่อง ตามมาตรา 50 จำนวน 16 เรื่อง ส่งให้หน่วยงานอื่น 6 เรื่อง อยู่ระหว่างเสนออนุกรรมการกลั่นกรอง 4 เรื่อง นอกจากนั้น ยังมีเรื่องไต่สวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น จำนวน 33 เรื่อง
ในจำนวนนี้ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 4 เรื่อง ชี้มูลความผิด 3 เรื่อง ข้อกล่าวหาตกไป 1 เรื่อง อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการ ปปช. พิจารณา 4 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 25 เรื่อง ส่วนผลการดำเนินงานในภาพรวมนั้น มีเรื่องเสนอไต่สวน จำนวน 35 เรื่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ ปปช. 4 เรื่อง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ 2 เรื่อง
ทั้งนี้ สำหรับเรื่องที่ ปปช. ได้ชี้มูลความผิดไปแล้ว 3 คดีนั้น มีคดีที่สำคัญที่มีผู้ถูกกล่าวหา 4 คน คือ
1. อดีตรองนายก อบต.หนองน้ำใส อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว
2.บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ผู้ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้าง
3.และ 4. เป็นรายชื่อกรรมการผู้จัดการ บริษัทเอกชนผู้ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้าง
สำหรับผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดนั้น คณะกรรมการ ปปช. ได้มีคำวินิจฉัย ครั้งที่ 92/2567 เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 ได้กล่าวหา อดีตรองนายก อบต.หนองน้ำใส กระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีลงลายมือชื่อในใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น ในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่า มีตำแหน่งหรือหน้าที่ และมีการนำใบอนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าว ไปใช้ประกอบการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน
จึงมีความผิด ตามมาตรา 123 แห่ง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ส่วนการกระทำของ บริษัทเอกชนที่ยื่นขอก่อสร้างนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีความผิดอาญา ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือ เอกสารราชการ และฐานใช้เอกสารสิทธิ์อันเป็นเอกสารปลอม ตามมาตรา 267 และ 268 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 คือ มีมูลความผิดอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐ ปฎิบัติ หรือ ละเว้นปฎิบัติ อย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่า มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง หรือผู้อื่น, และฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จ ลงในเอกสารมหาชน และเอกสารราชการ และฐานใช้เอกสารสิทธิ์ อันเป็นเอกสาราชการปลอม
ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดอาญา ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จ ลงในเอกสารมหาชน หรือ เอกสารราชการ ฐานใช้เอกสารสิทธิ์อันเป็นเอกสารราชการปลอม ตามมาตรา 267 และ 268 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่ไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่น เชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่่นั้น
เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามมาตรา 123 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ซึ่งมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมแปลงโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และฐานปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามมาตรา 161 มาตรา 266 แห่งประมวลกฎหมายอาญา