01 ต.ค. 2567

ภารโรง เล่านาทีก่อนเกิดเหตุ โศกนาฏกรรม ไฟไหม้รถบัสนักเรียน ทัศนศึกษา คนขับรถบัส ทำอะไร ก่อนหายตัวปริศนา จากที่เกิดเหตุ

จากกรณี รถบัสโดยสาร ทัศตศึกษา ประสบอุบัติเหตุ ยางหน้าระเบิด และวิ่งชนรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ สีดำ (ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน) จนทำให้รถเสียหลัก วิ่งครูดไปกับแท่งแบริเออร์ ห่างจากจุดยางระเบิดประมาณ 900 เมตร และเกิดไฟลุกไหม้ตัวรถบัส ทำให้มีเด็กนักเรียนชั้น อนุบาล 1-3 และ ป.4 ที่โดยสารมากับรถ เสียชีวิต ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายปรีชา เมืองกัน อายุ 50 ปี นักการภารโรง เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ คณะครูได้พาเด็กนักเรียนโรงเรียนเขาพระยาสังฆาราม เดินทางจาก จ.อุทัยธานี เพื่อมาทัศนศึกษา โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ สำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ย่านบางกรวย จ.นนทบุรี 

 

โดยรถคันเกิดเหตุ เป็นรถคันที่ 2 จากจำนวนรถที่วิ่งตามขบวนกันมาทั้งหมด 3 คัน โดยรถคันที่ประสบเหตุมีนักเรียน และครู รวมแล้ว 44 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้น อนุบาลระดับชั้น 1- 3 และป.4 บางส่วน โดยมีครูที่มากับรถคันเกิดเหตุ รวม 6 คน และเด็กนักเรียนอีก 38 คน ขณะเกิดเหตุทำให้มีนักเรียน และครูสูญหายไป

ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุ ตนเองได้นั่งอยู่ที่รถบัสคันที่ 3 โดยออกจากโรงเรียนเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี มาตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อเดินทางไปทัศนศึกษาที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ใกล้สะพานพระราม 7 หรือย่านบางกรวย 

 

เมื่อรถวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงทางโค้งใกล้กับอนุสรณ์สถานแห่งชาติ รถคันเกิดเหตุซึ่งวิ่งอยู่เลนกลาง ได้เกิดยางหน้าด้านซ้ายระเบิด ทำให้รถเสียหลัก และเบี่ยงไปทางเลนขวา และพุ่งชนข้างประตูรถเบนซ์ อี 200 หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร จากนั้นรถทัวร์ ซึ่งกำลังเสียการทางตัว ได้วิ่งครูดพุ่งไปชนกับแท่งเบอร์ริเออร์ บริเวณเกาะกลางถนนเป็นทางยาวกว่า 800-900 เมตร กระทั่งเมื่อรถหยุดนิ่ง 

 

สิ่งที่ตามมา และเป็นที่น่าตกใจคือ เกิดไฟลุกไหม้บริเวณด้านหน้ารถทันที "จังหวะที่ไฟกำลังลุกไหม้นั้น คนขับรถคันเกิดเหตุ ได้วิ่งมาเปิดประตูรถด้านหน้ารถ และเด็กที่โดยสารอยู่ภายในรถ ได้วิ่งหลบหนีลงมาจากรถกันอย่างอลหม่าน โดยมีเด็กบางส่วน ได้วิ่งกลับไปที่บริเวณด้านหลังของรถ เพราะไฟได้ลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณด้านหน้ารถ ซึ่งคาดว่าไฟที่ลุกไหม้ จะทำให้เด็กและครูตกใจ จึงทำให้วิ่งกลับไปที่ด้านหลัง จนทำให้ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก" 

นายปรีชา บอกอีกว่า ขณะเกิดเหตุ รถขบวนคันที่ 3 ที่ขับตามหลังมา จึงได้รีบจอดรถเข้าข้างทาง ตนและครู จึงรีบวิ่งลงไปช่วยเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ เอาไว้ได้ จำนวน 19 คน ส่วนที่เหลือติดอยู่ภายในรถทัวร์ทัศนศึกษา ซึ่งตนพยายามจะเข้าไปช่วย แต่เพลิงที่กำลังลุกไหม้ห้องโดยสารอย่างรุนแรง และรวดเร็ว ทำให้ตนเองและครู ไม่สามารถฝ่าเปลวไฟเข้าไปในรถได้ ประกอบกับขณะเกิดเหตุมีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ ดังนั้น จึงรีบโทรศัพท์แจ้งสายด่วน 191 เพื่อให้รีบนำรถดับเพลิง เข้ามาระงับเหตุไฟไหม้ในบริเวณจุดเกิดเหตุ 

 

ขณะที่หลังเกิดเหตุ นายสมาน อายุ 48 ปี คนขับ หลังเกิดได้หายตัวไปจากที่เกิด และปิดโทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้