ข่าว

เงินหมื่นหมดแล้ว แม่เอาไปซื้อยาบ้า เสพจนคลุ้มคลั่ง ถือมีดไล่ทำร้ายลูก

06 ต.ค. 2567

เงินหมื่นหมดแล้ว แม่เอาไปซื้อยาบ้า เสพจนคลุ้มคลั่ง ก่อนถือมีดไล่ทำร้ายลูก ด้าน ลูกชาย เผย รักแม่เหมือนเดิม อยากให้หายจากอาการนี้

6 ต.ค. 2567 เมื่อเวลา 11.50 น. ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุแม่เสพยาบ้า คลุ้งคลั่งอาละวาด ถือมีดไล่ทำร้ายลูก จนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง ม.6 ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงประสาน ร.ต.อ.ประวิทย์ ลาสาลี รอง สวป.สภ.ย่อยห้วยหลวง นำกำลังไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ยกพื้นสูง ด้านหน้ามีเพิงไม้หลังสังกะสี บนบ้านพบ น.ส.สุวิศา หรืออ้อม อายุ 32 ปี อยู่ในอาการตื่นตกใจ เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวลงมานั่งพูดคุยที่บันไดบ้าน ให้การสับสนไปมา อ้างว่าไม่ได้ทำร้ายใคร มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มานอนอยู่ที่เพิงหน้าบ้าน แล้วขึ้นไปบนบ้านไปทุบทำลายตู้เสื้อผ้า และทำร้ายตนเอง แต่ยอมรับว่าเสพยาบ้ามาครึ่งเม็ด ซื้อมาเอง ไม่ได้ไปขโมยใครมา

ระหว่างพูดคุย น.ส.รตี (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นแม่ของ น.ส.อ้อม ได้พา ด.ช.โฟกัส อายุ 13 ปี ลูกชาย น.ส.อ้อม กลับมาจากทำแผลที่ รพ.สต. โดยมีบาดแผลที่ข้อศอก และเข่าด้านซ้าย เนื่องจากหกล้ม และมีรอยปูดบวมที่ศีรษะ เนื่องจากถูกท่อนไม้ขว้างใส่ น.ส.อ้อม ชี้บอกว่าคนนี้แหละที่ทำร้ายตน เป็นใครก็ไม่รู้ ไม่ใช้ลูกตน จากนั้นก็โต้เถียงกับแม่และญาติตัวเองเสียงดังเอะอะโวยวาย

เงินหมื่นหมดแล้ว แม่เอาไปซื้อยาบ้า เสพจนคลุ้มคลั่ง ถือมีดไล่ทำร้ายลูก

ทำให้นายย่อม (สงวนนามสกุล) อายุ 78 ปี ตาของ น.ส.อ้อม เกือบระงับอารมณ์ไม่อยู่ ทำท่าจะตบสั่งสอนหลานสาว ที่เสพยาจนเพี้ยนจำใครไม่ได้ และทำร้ายลูกตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจกลัวจะเกิดเหตุการณ์บานปลาย จึงนำตัว น.ส.อ้อม ขึ้นไปค้นบนบ้าน พบกระดาษฟอยล์ ทำเป็นอุปกรณ์เสพยาบ้า ที่เสพไปแล้วครึ่งเม็ด เหลือเศษอยู่อยู่ครึ่งเม็ด จึงตรวจยึดพร้อมมีดพร้ายาวประมาณ 50 ซม. 2 เล่ม ขึ้นรถกระบะตราโล่ไปทำการสอบสวนที่โรงพัก ท่ามกลางเสียงกร่นด่าและวิจารณ์ของญาติและชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด.ช.โฟกัส เล่าว่า ตนขึ้นไปบนบ้านจะไปเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาจากแม่ แม่จึงโมโหดุด่าตน ก่อนใช้มือบีบคอ ตนสะบัดหลุดออกมาจากแม่ได้ ก็วิ่งลงมาจากบนบ้าน แม่ก็วิ่งตามมาคว้าไม้ขว้างใส่หัวตนโดนอย่างจังไป 1 ครั้ง แม่ยังไม่หยุดเท่านั้น ได้ไปคว้าเอามีดพร้ามา 2 เล่ม แล้ววิ่งปรี่เข้ามาจะทำร้ายซ้ำอีก ตนจึงวิ่งหนีตายไปที่วัดใกล้บ้าน ห่างไปประมาณ 50 เมตร จนล้มลงที่พื้นได้รับบาดเจ็บ ตอนนั้นมีผู้ใหญ่คนอื่นอยู่ในวัดมาเห็น จึงเข้ามาให้การช่วยเหลือ แม่ทำร้ายตนบ่อยมาก แต่ตนก็ยังรักแม่เหมือนเดิม อยากให้แม่หายจากอาการนี้

เงินหมื่นหมดแล้ว แม่เอาไปซื้อยาบ้า เสพจนคลุ้มคลั่ง ถือมีดไล่ทำร้ายลูก

ด้าน น.ส.รตี แม่ น.ส.อ้อม เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่เห็น ออกไปทำธุระนอกบ้าน มีชาวบ้านโทรบอกจึงรีบกลับมาดูหลาน เมื่อเห็นหลานมีแผลก็รีบพาไปทำแผล เพราะหลานมีโรคประจำตัวเป็นโรคทารัสซีเมีย เลือดน้อย เลือดจาง กลัวจะเป็นอันตรายมาก หลานต้องเปลี่ยนเลือดอยู่เป็นประจำ ไม่แข็งแรง แต่ก็ต้องมาเจอแม่คลั่งทำร้ายอยู่ตลอด สงสารหลานมากที่ต้องมาเจอแบบนี้

ตนมีลูก 2 คน น.ส.อ้อม เป็นคนเล็ก คนโตเป็นผู้ชาย เสียชีวิตไปแล้ว จึงเหลือ น.ส.อ้อมคนเดียว แต่ก็ติดยาไม่ช่วยทำมาหากินอะไร ซ้ำยังทิ้งลูก 3 คน ให้ตนเลี้ยง คนโตเป็นผู้หญิง 14 ปี คนกลางคือ ด.ช.โฟกัส และคนเล็กเป็นผู้ชาย 5 ขวบ 

ที่ผ่านมาต้องอยู่อย่างหวาดผวา เคยเอา น.ส.อ้อม ไปรักษาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน ออกมาก็กลับมาเสพอีก เป็นแบบนี้มา 10 ปี แล้ว ต้องหนีลงมาปลูกเพิงอยู่หน้าบ้าน เป็นห่วงหลานมากกลัวจะถูกแม่ฆ่าตายสักวัน แม้แต่ตัวแม่เองก็ไม่ปลอดภัย ปกติจะให้เงิน น.ส.อ้อม วันละ 20-40 บาท เพื่อซื้อข้าวซื้อน้ำ แต่ก็เอาซื้อยาเสพทุกครั้ง และสิ้นเดือนที่ผ่านมา น.ส.อ้อม ได้เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ตนเก็บไว้ 3 พันบาท ให้ญาติ 1 พันบาท เขาเก็บไว้ 6 พัน แต่คิดว่าคงไม่เหลือแล้ว คงซื้อยามาเสพหมดแล้ว เสพหนักจนจำใครไม่ได้ จำลูกไม่ได้ จำแม่ไม่ได้

เบื้องต้นตำรวจจะทำการตรวจปัสสาวะ น.ส.อ้อม เพื่อหาสารเสพติด และรอให้ญาติไปพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง หากประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีเรื่องทำร้ายร่างกายลูกชายตัวเอง ซึ่งจะได้ทำการสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป