ข่าว

แม่สุดช้ำ โร่ขอความเป็นธรรม เล่าทั้งน้ำตา เสียลูกชาย ยังต้องหาหลักฐานเอง

แม่สุดช้ำ โร่ขอความเป็นธรรม เล่าทั้งน้ำตา เสียลูกชาย ยังต้องหาหลักฐานเอง

07 ต.ค. 2567

สองสามีภรรยา โร่ร้อง ขอความเป็นธรรม แม่สุดช้ำ เล่าทั้งน้ำตา สูญเสียลูกชาย ยังต้องหาหลักฐานเอง โพสต์ขอภาพเหตุการณ์จากชาวบ้านได้มาเพียบ แต่ตำรวจไม่สนใจ

นายประเสริฐ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี และ น.ส.รัตนา (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี สองสามีภรรยา เดินทางมาร้อง ขอความเป็นธรรม กับสำนักกฎหมายในตัวเมืองบุรีรัมย์ ระบุว่า ตำรวจ ในพื้นที่ อ.ห้วยราช จงใจเลือกปฏิบัติทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายได้เปรียบเสียเปรียบ 

 

 

น.ส.รัตนา เล่าว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 18.30 น. ลูกชายคือ นายธัชชชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า จะไปหาเพื่อนที่ ต.สวายจีก ระหว่างทางเกิดไปชนประสานงากับ รถยนต์กระบะแบบแคป ยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนทอง มี นายประสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี เป็นคนขับ เหตุเกิดบนถนนสายห้วยราช-หนองปรือ หมู่ 3 ต.สนวน อ.ห้วยราช ตอนนั้นลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ อาการไม่ดีขึ้น 

 

 

สองสามีภรรยา

 

 

จนกระทั่งวันที่ 18 ก.ย. 2567 ลูกชายเสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล รวมรักษา 9 วัน และทำการฌาปนกิจศพเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2567 ซึ่งระหว่างที่ลูกรักษาตัวจนเสร็จสิ้นงานศพลูกชาย ไม่ทราบเรื่องคดีว่าใครเป็นอย่างไร ใครผิดใครถูก หลังจากนั้นได้ไปพบ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี รู้สึกตกใจหลังพนักงานสอบสวนแจ้งว่าลูกชายเป็นฝ่ายผิด และมีคู่กรณีเพียง 2 คน คือ ลูกชายกับรถกระบะ ซึ่งสวนทางกับที่เกิดเหตุที่ตนพบว่า มีรถจักรยานยนต์บรรทุกหญ้าอีกคันอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงท้วงพนักงานสอบสวนไปว่ามีคู่กรณีมากกว่า 2 คน แต่พนักงานสอบสวนไม่สนใจ ยืนยันจะใช้พยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่ ถ้ามีภาพถ่ายให้เอามาเพิ่มเติม

 

 

รถจักรยานยนต์ลูกชาย

 

จากนั้นตนได้โพสต์ขอความเห็นใจทางโซเชียล หากใครถ่ายภาพในที่เกิดเหตุกรณาส่งมาให้ด้วย ปรากฏว่ามีคนที่อยู่ในเหตุการณ์ส่งมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งภาพที่ปรากฏ เป็นภาพลูกชายที่บาดเจ็บ ภาพรถกระบะคู่กรณี และยังมีภาพรถจักรยานยนต์พ่วงรถเข็นบรรทุกหญ้าอีก 1 คัน มีเครื่องตัดหญ้าหักเสียหายหล่นอยู่บนถนน จึงเอาภาพนั้นไปให้พนักงานสอบสวน แต่ก็ถูกปฏิเสธตำรวจบอกว่า "งั้นให้ไปตามคนถ่ายมาสอบสวน" 

 

 

เล่าทั้งน้ำตา

 

 

น.ส.รัตนา เล่าทั้งน้ำตาว่า เท่าที่เห็นภาพถ่ายเชื่อว่ารถบรรทุกหญ้าน่าจะเอาเครื่องตัดหญ้าใส่ท้ายรถเข็น แล้วเลยออกจากตัวรถมา ทำให้ลูกชายซึ่งขับตามหลังไม่เห็นเพราะไม่มีไฟท้าย เฉี่ยวเอาคันเครื่องตัดหญ้าจนหักเสียหายแล้วกระเด็นออกมา ก่อนรถลูกชายจะเสียหลักไปชนกับรถกระบะ 

 

 

อุบัติเหตุ

 

 

น.ส.รัตนา เล่าอีกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกว่าลูกชายไม่ได้รับความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูเหมือนจะจงใจเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อไม่ให้ได้รับโทษ ที่ผ่านมาตั้งแต่ลูกชายเกิดอุบัติเหตุ รักษาตัวที่โรงพยาบาล และจัดงานฌาปนกิจศพ ยังไม่เคยเห็นหน้าคนขับรถกระบะ และยังไม่ได้รับการเยียวยาแม้แต่บาทเดียว ขณะค่ารักษาพยาบาลของลูกชายสูงถึงกว่า 210,000 บาท ค่าจัดงานศพหมดไปอีกกว่า 300,000 บาท ส่วนพนักงานสอบสวนไม่สนใจที่จะให้ความเป็นธรรม ตอนนี้อยากจะเปลี่ยนพนักงานสอบสวนที่เป็นกลางมากกว่านี้

 

 

กระบะคู่กรณี

 

 

โดย : เรืองรุจ วังแจ่ม