ข่าว

"ใบหนาด" ยอมรับหมุนเงินไม่ทัน ลั่น ขอโทษ จะรับผิดชอบ

"ใบหนาด" ยอมรับหมุนเงินไม่ทัน ลั่น ขอโทษ จะรับผิดชอบ

09 ต.ค. 2567

"ใบหนาด" ยอมรับหมุนเงินไม่ทัน ยืนยันทองที่ขายเป็นทองจริง ลั่นขอโทษและจะรับผิดชอบ ตำรวจคาด มีพฤติกรรมฟอกเงิน นำตัวฝากขังสน.ทุ่งสองห้อง

 

9 ต.ค. 2567 หลังจากที่เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ตำรวจไซเบอร์ สอท.4 ได้ควบคุมตัวนายพรมธาดา นาคเจริญ หรือแม่ใบหนาด อายุ 31 ปี กรรมการบริษัท ห้างเพชรทองธาดาโกลด์ จำกัด

 

ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

 

จากกรณีมีผู้เสียหายถูกหลอกให้ซื้อทองคำของแม่ใบหนาดผ่านช่องทาง Tiktok แล้วไม่ได้รับสินค้าหรือได้รับสินค้าแต่คุณภาพไม่ตรงตามที่โฆษณา 

 

พล.ต.ต.อรรสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. เปิดเผยว่า ผู้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตั้งแต่ปี 2561 ตนเองเคยเป็นลูกจ้างร้านทองที่ จ.สุราษฎร์ธานี จนเรียนรู้วิธีการขายทอง

 

จนถึงปี 2566 ก็เริ่มอยากทำกิจการของตนเอง เลยไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเพื่อขายทองด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แล้วเริ่มไลฟ์เพื่อขายทอง โดยจะใช้วิธีการโฆษณาจูงใจ ให้ลูกค้าซื้อทองในราคาต่ำกว่าราคาตลาด 50% เช่น ราคาทอง 1 บาทอยู่ที่ 40,000 บาท ก็จะขายลงมาที่ประมาณ 20,000 บาท , ทอง 2 สลึงราคา 20,000 บาท ก็จะขายที่ราคา 9,999 บาท

 

โดยจะมีวิธีและเทคนิคในการหลอกจูงใจลูกค้าหลายอย่าง เช่น หาผู้โชคดีที่ซื้อทองเร็วที่สุด 3 ราย เพื่อขายเพียงแค่ราคา 9,999 บาท ทำให้ลูกค้าเข้ามาลงซื้อเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ลงทุนไปเป็นแสนกว่าบาทก็มี ลูกค้าบางรายลงทุน 1.8 ล้านกว่าบาท แต่ได้ทองคำมูลค่า 3 บาท 

\"ใบหนาด\" ยอมรับหมุนเงินไม่ทัน ลั่น ขอโทษ จะรับผิดชอบ

ส่วนเหตุผลที่ใบหนาดตัดสินใจอยู่ที่จะขายทอง เนื่องจากราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลงมาก ทำให้ต้นทุนในการซื้อทองไปหลอกจูงใจผู้เสียหายสูงมากขึ้น อีกทั้งไม่สามารถหมุนเงินมาซื้อทองให้ทัน ผู้เสียหายจึงไปแจ้งความพร้อมกับบอกต่อกันเลยทำให้เรื่องแดงขึ้น จนสุดท้ายไม่มีใครเข้ามาซื้อทองคำจากแม่ใบหนาดจนต้องยุติกิจการไป 

 

ทั้งนี้ นอกจากข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แล้ว แม้ว่ายังไม่พบพฤติการณ์ โฆษณาเกินจริง

 

เพราะทองคำที่ขายนั้นเป็นทองคำแท้ แต่เนื่องจากมูลค่าความเสียหายสูงถึง 180 ล้านบาท และพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีแม่ใบหนาดถึง 200 ล้านกว่าบาท ทว่ากลับพบเงินในบัญชีทั้ง 3 บัญชีของแม่ใบหนาดเพียงแค่ไม่ถึงหลักหมื่น จึงเชื่อว่าน่าจะมีพฤติการณ์ฟอกเงินอย่างแน่นอน

 

ซึ่งในส่วนตรงนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยได้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสืบทรัพย์แล้ว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัยถึงตัวแอดมิน 3 คน ที่แม่ใบหนาดอ้างว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและจ้างมาเพื่อดูแลระบบเท่านั้น ทางตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง 

 

ส่วนกรณีที่มีนักร้องชื่อดังได้ไปร้องเพลงให้กับแม่ใบหนาดนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเพียงแค่การว่าจ้าง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นก็จะต้องเชิญมาให้ปากคำกับทางตำรวจต่อไป 

นอกจากนี้ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ ยังเปิดเผยเป็นนัยยะถึงกรณีบริษัทขายตรงที่มีดาราชั้นแนวหน้าของเมืองไทยเป็นพรีเซ็นเตอร์และกำลังตกเป็นประเด็นทางสังคมในห้วงเวลานี้

 

ทางตำรวจไซเบอร์อยู่ในระหว่างการตรวจสอบและทางรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการทั้งตำรวจไซเบอร์กับตำรวจสอบสวนกลางร่วมกันบูรณาการที่จะตรวจสอบพฤติการณ์ของบริษัทนี้ โดยเปิดเผยเป็นนัยยะว่า เรื่องนี้เป็นงานช้างและงานใหญ่แน่นอน แต่ขอทำงานทางลับสักระยะหนึ่งก่อน 

 

โดยภายหลังการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นายพรมธาดา ออกจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อนำตัวไปสอบปากคำต่อที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 ก่อนจะนำตัวไปฝากขังที่สน. ทุ่งสองห้อง

 

โดยระหว่างการควบคุมตัวนายพรหมธาดาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขอโทษลูกค้าทุกคน พร้อมที่จะรับผิดชอบและจะให้การในชั้นศาลพร้อมตอบคำถามทีเดียว