ข่าว

ยึด"SimBox" จับ 2 ชาย รับเปิด ซิมเถื่อน - ดูแลระบบ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"

ยึด"SimBox" จับ 2 ชาย รับเปิด ซิมเถื่อน - ดูแลระบบ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"

09 ต.ค. 2567

ผู้ช่วยผบ.ตร และ ผบช.ก. ร่วม ตรวจยึด"Simbox" จับชาย ไทย วัย 68 รับเปิดซิมเถื่อนให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ นาน 5 ปี มีซิมชื่อตัวเองกว่า 10,000 เบอร์ ได้ค่าจ้างเบอร์ละ 2 บาท และชายจีน ผู้ดูแลระบบ

9 ตุลาคม 2567 พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) 

 

เปิดปฏิบัติการ "ระเบิดสะพานโจรครั้งใหญ่สุดในไทย" จับ 2 ผู้ต้อง จับชาย ไทย วัย 68 ปี รับเปิดซิมเถื่อนให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ นาน 5 ปี มีซิมชื่อตัวเองกว่า 10,000 เบอร์ ได้ค่าจ้างเบอร์ละ 2 บาท และ ชายจีน วัย 33 ปี  ผู้ดูแลระบบ พร้อมยึดSimbox ลงทะเบียนแล้วกว่า 10,000 ชิ้น

ยึด\"SimBox\" จับ 2 ชาย รับเปิด ซิมเถื่อน - ดูแลระบบ \"แก๊งคอลเซ็นเตอร์\"

โดยเข้าตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัย 4 จุด ประกอบด้วย

1.ทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่ง ภายในซอยแฮปปี้แลนด์ทาวน์เฮ้าส์ 4 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ตรวจยึด

-เครื่อง Simbox จำนวน 28 เครื่อง (เปิดใช้งาน)

-ซิมการ์ดไทย ทุกเครือข่าย จำนวนประมาณ 10,000 ซิม

โดยมีนายธีรภัทร รับเป็นผู้ดูแล บ้านหลังดังกล่าว ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น เมื่อเข้าไปภายในบ้านชั้นล่าง พบsimBox พร้อมซิมมือถือจำนวนมาก พบผู้ต้องหา 2 รายเป็นชายไทยอายุ 68 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและชายชาวจีนอายุ 33 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแลควบคุมระบบ

ยึด\"SimBox\" จับ 2 ชาย รับเปิด ซิมเถื่อน - ดูแลระบบ \"แก๊งคอลเซ็นเตอร์\"

2. บ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านสินธร แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.ตรวจยึด

-เครื่องsimbox 20 เครื่อง

-ซิมการ์ดไทย เปิดใช้งานแล้ว จำนวนประมาณ 2000 ซิม

 

3 คอนโดแห่งหนึ่งตึก B ชั้น 6 แขวงคลองตัน เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯตรวจยึด

- เครื่อง Simbox จำนวน 5 เครื่อง -โทรศัพท์มือถือ จำนวนประมาณ 370 เครื่อง

-ซิมการ์ดไทย เปิดใช้งานแล้ว จำนวนประมาณ 6000 ซิม

โดยมี MR.Chuanguan Lin หรือ เซี่ยวหลิน สัญชาติจีน เป็นผู้ดูแล

 

4 คอนโดแห่งหนึ่ง ตึก B ชั้น 7 แขวงคลองตัน เขตบึงกุ่ม กทม.ตรวจยึด

-เครื่อง Simbox จำนวน 39 เครื่อง

-โทรศัพท์มือถือ จำนวน 103 เครื่อง

-ซิมการ์ดไทย เปิดใช้งานแล้ว จำนวนประมาณ 20 ซิม

- เอกสารที่เกี่ยวข้อง และ ธนบัตรสกุลหยวน (ประเทศจีน) จำนวนหนึ่ง

พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า เป็นการตรวจค้นจับกุมครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นการตัดวงจรของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จะมาหลอกลวงคนไทย โดยจากการตรวจค้นสามารถยึด SimBox 100 เครื่องพร้อมเบอร์โทรศัพท์จำนวน 20,000 หมายเลข ซึ่งในการโทรหนึ่งครั้งสามารถโทรออกได้ประมาณ 3,000 หมายเลขต่อครั้ง 

 

สำหรับวิธีการของคนร้ายก็ยังเป็นในรูปแบบเดิม โดยจะอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และจะมีการหลีกเลี่ยงเบอร์ที่โทรมาในต่างประเทศ เช่น +67 +68 ซึ่งจะมีการตั้งฐานในประเทศไทยเมื่อโทรไปหาผู้เสียหายเบอร์โทรศัพท์จะขึ้นเป็นเบอร์ประเทศไทย (+66) ทำให้ผู้เสียหายไม่ลังเลที่จะรับสายโทรศัพท์ ทั้งนี้หากมีการปิดซิมหรือซิมหมดอายุ ก็จะสามารถเปลี่ยนหมายเลขใหม่เข้ามาเพื่อเอาไปหลอกลวงในครั้งถัดไป 

 

พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า หลังจากนี้ก็จะมีการหารือกับทางกสทช. ถึงมาตรการในการลงทะเบียนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่มีการลงทะเบียนมากกว่า 5 ซิม และจะมีการขยายผลขบวนการนี้ต่อไป รวมถึงจะมีการตรวจสอบคนรับลงทะเบียนซิมด้าน

ยึด\"SimBox\" จับ 2 ชาย รับเปิด ซิมเถื่อน - ดูแลระบบ \"แก๊งคอลเซ็นเตอร์\"

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า วันนี้มีการเข้าตรวจค้นทั้งหมด 4 จุด การที่พบซิมการ์ด และอุปกรณ์มือถือจำนวนมากครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำลายวงจรของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ เนื่องจากหลักฐานที่ยึดมานั้นมีจำนวนมาก แต่เชื่อว่าในขบวนการนี้ยังมีตัวบงการ หลังจากนี้ก็จะมีการขยายผลต่อไป 

 

จากการสอบสวนชายไทยอายุ 68 ปี รับว่าเป็นเจ้าของบ้าน เดิมก่อนหน้านี้ประกอบอาชีพเป็นคนขายซิมโทรศัพท์มาก่อนจึงมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเบอร์โทรศัพท์ ได้ประกอบอาชีพนี้มาประมาณ 5 ปี โดยซิมที่ได้มาจะนำมาจดทะเบียนเป็นชื่อตัวเอง กว่า 10,000 เบอร์ โดยได้รับเป็นผลตอบแทน เบอร์ละ 2 บาท ส่วนซิมที่ได้มาได้มาจากการรับซื้อจากตัวแทน อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เชื่อว่าชายไทยวัย 68 ปี รับหน้าที่ดูแลระบบ SimBox โดยมีชายชาวจีนเข้ามาดูแลเรื่องระบบ และเซ็ตระบบให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้

 

เบื้องต้นข่ายความผิด 2 ข้อหา คือความผิดฐาน “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขาย เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” มาตรา 11 ปรับ 2-5 แสน จำคุก 2-5 ปี และ ร่วมกันทำมีใช้นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม"