“วิศวกร - ขนส่ง – อู่ติดก๊าซ” ส่อโดนคดี “บิ๊กต่าย” ประชุมเร่งรัดคดีรถบัสไฟไหม้
จ่อฟันบิ๊กล็อต “วิศวกร - ขนส่ง – อู่ติดก๊าซ – เจ้าของรถบัส” ข้อหาประมาท ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ "บิ๊กต่าย" ประชุมจี้คดี ชี้คืบกว่า 70%
10 ต.ค.2567 เวลา 10.30 น. ที่ ห้องประชุมใหญ่ชั้น 4 สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 รรท.ผบช.ภ.1 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันประชุมความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีรถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เกิดเหตุไฟไหม้ มีนักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2567 โดยมีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้มีการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง
จากนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สภ.คูคต ได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาไปแล้ว 3 คน ได้แก่ คนขับรถทัวร์คันเกิดเหตุ , เจ้าของรถทัวร์(ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถ) , และเจ้าของบริษัทรถทัวร์
และอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิด เช่น เจ้าของรถทัวร์คันอื่นๆ ที่เข้าข่ายกระทำความผิด , วิศวกร , เจ้าหน้าที่ขนส่งผู้ตรวจสอบรถ , ร้านค้าผู้ประกอบการที่ติดตั้งก๊าซ โดยแต่ละกลุ่มจะเข้าข่ายความผิดฐานใดบ้าง ยังต้องรอผลรายงานการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายสัปดาห์หน้า
จากนั้นจะส่งผลให้พนักงานสอบสวนไปประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ แล้วจะให้ระดับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมกับสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และฝ่ายสอบสวนพิจารณาหลักฐานร่วมกันในรูปแบบคณะทำงานเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ว่า แต่ละกลุ่มบุคคลเข้าข่ายกระทำการโดยประมาท หรือจงใจ หรือดำเนินการผิด พ.ร.บ.รถยนต์ฯ , พ.ร.บ.ขนส่งทางบกฯ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ก็จะดำเนินคดีไปตามพฤติการณ์
ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปกว่า 70% แล้ว และยืนยันว่าจะไม่ให้การสืบสวนสอบสวนมีช่องว่างแม้แต่น้อย และจะไม่ปล่อยให้คดีนี้ออกไปในทิศทางที่ไม่ดีไม่งาม จะต้องตรงไปตรงมา ใครผิดว่าไปตามผิด และต้องดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องตามพฤติการณ์ที่ปรากฎ
โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ขนส่ง ที่จะต้องพิจารณาว่ามีความผิดตามกฎหมายของ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. หรือไม่ ซึ่งจะต้องสรุปผลและส่งรายงานภายใน 30 วัน
ขณะที่อาการของน้องๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ ยังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์ คาดว่าต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวอีกไม่ต่ำกว่า 1 เดือน และได้พูดคุยกับครอบครัวน้องๆ ยืนยันว่าทางตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ หรือ โรงพยาบาลเด็ก ออกแถลงการณ์อาการของเด็กหญิงอายุ 14 ปี ว่าบาดแผลไฟไหม้โดยรวมดีขึ้น ตอบสนองการรักษาดี ไม่พบการติดเชื้อหรือปัญหาข้อติดยึด สามารถทำกายบริหารยืดเหยียดข้อไหล่ ข้อศอกได้ และทำกิจกรรมถักเชือกเพิ่มการใช้งานของข้อมือและนิ้วมือ แต่ยังต้องเฝ้าระวังบาดแผลแขนซ้าย ส่วนสภาพจิตใจอารมณ์คงที่ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ 2 คนที่รักษาอยู่ที่ หอผู้ป่วยวิกฤตเมฆสวรรค์ และ หอผู้ป่วยวิกฆตบ้านปู 2 ชั้น 3 ภายในโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
โดยมี รศ.นพ.ดิลก ภิยโยทัย ผอ.โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และทีมแพทย์ ของโรงพยาบาลให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ภายหลังพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เข้าเยี่ยมอาการเด็กนักเรียนทั้ง 2 คนแล้ว ได้มอบผลไม้ และเงินจำนวนหนึ่ง ให้พ่อแม่ของน้องทั้ง 2 คน ได้ใช้จ่าย นอกจากนี้ยังได้เขียนคำอวยพร ข้อความว่า “ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยและน้องๆ หายโดยเร็ววันครับ” พร้อมทั้งได้เขียนโน้ตแปะที่บอร์ดที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้ที่มาเยี่ยม