ข่าว

หญิงเคราะห์ร้าย ขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านชายคลั่งถูกคว้ามีดฟัน-ปาดคอดับ

หญิงเคราะห์ร้าย ขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านชายคลั่งถูกคว้ามีดฟัน-ปาดคอดับ

12 ต.ค. 2567

หญิงวัย 67 ปี เคราะห์ร้าย ขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านชายคลั่งวัย 27 ปี ถูกคว้ามีดฟัน-ปาดคอดับ ชาวบ้านเผย ชายคลั่งมีอาการป่วยจิตเวช

12 ต.ค. 2567 เวลา 07.00 น. ที่จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.อานุภาพ จันดิถวงศ์ ผกก.สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้ง มีชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส บนถนนหน้า รพ.สต.คลองศิลา หมู่ 9 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา 

 

 โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ และมีคำสั่งให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดเส้นทางหลบหนีเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายทันที 

หญิงเคราะห์ร้าย ขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านชายคลั่งถูกคว้ามีดฟัน-ปาดคอดับ

ที่เกิดเหตุพบนางสุพิส อายุ 67 ปี ชาว ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี มีบาดแผลถูกของมีคมฟันเข้าที่ลำคอ และลำตัว มีเลือดออกมาก อาการสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลเคียนซา แต่ไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

 

 ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ ขณะกำลังเดินอยู่บนถนน ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุในสภาพเสื้อผ้าเปื้อนเลือด พร้อมอาวุธมีดพกสั้น ทราบชื่อคือ นายสิทธิพร อายุ 27 ปี ชาว ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา จึงควบคุมตัวไปสอบสวน 

 

เบื้องต้นนายสิทธิพร ให้การรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้านว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดปาดคอนางสุพิศ จริง อ้างว่าโกรธแค้นที่เคยถูกนางสุพิศด่า เมื่อเจอตัวจึงได้ลงมือ ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายสิทธิพร ผู้ก่อเหตุไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเคียนซา 

หญิงเคราะห์ร้าย ขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านชายคลั่งถูกคว้ามีดฟัน-ปาดคอดับ

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เบื้องต้นทราบว่าขณะที่นางสุพิศ ผู้เสียชีวิตขับขี่รถจักรยานไฟฟ้าแบบ 3 ล้อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้มีนายสิทธิพร ซึ่งเดินอยู่ริมถนน ตรงเข้าประชิดตัว และใช้อาวุธมีดปาดไปที่คอ และตามร่างกาย

 

 

ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกดังกล่าว จึงได้เข้ามาให้การช่วยเหลือก่อนที่นายสิทธิพรจะอาศัยจังหวะชุลมุนวิ่งหลบหนีไป โดยพยานระบุด้วยว่า นายสิทธิชัยมีอาการทางจิตเวช และมักจะเดินถืออาวุธมีดไปมาอยู่บนถนนตามชุมชนต่างๆอยู่บ่อยครั้ง โดยชาวบ้านในละแวกดังกล่าวทราบกันอยู่ดีและพยายามไม่เผชิญหน้าหรือเข้าใกล้ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วมาก และไม่มีใครคาดคิดว่านายสิทธิพรจะจู่โจมเข้าประชิดตัวผู้เสียชีวิตขณะกำลังขับรถ