โคราชผวา! มือดีโพสต์ป่วนห้างฯ เล็งเหยื่อก่ออาชญากรรม ตร. หาตัวจริงวุ่น
ตำรวจหาตัววุ่น มือดีโพสต์ป่วน ห้างกลางเมืองโคราช เล็งเหยื่อก่ออาชญากรรม ใช้ภาพเยาวชนแอบอ้าง โพสต์ข้อความป่วนโซเชียล
13 ต.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก “กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ๋ง” ซึ่งได้มีการโพสต์ไว้หลายโพสต์โดยระบุว่า “ผมอยู่ในห้างนะครับรอเวลา เพราะว่าผมก็ไม่บอกนะครับว่าผมจะยิงตอนไหน รอหาหัวใครสักคนนี้ละครับ”
ต่อมาก็ได้โพสต์ต่ออีกว่า “ตอนนี้ผมมาถึง (ห้างแห่งหนึ่ง) ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมยิงถูกหัวใครผมทำจริงต้องรอเวลาว่าหัวใครจะเป็นผู้โชคดีต้องใช้เวลานะครับเพราะว่าคนเยอะ” ต่อมาก็ได้โพสต์อีกข้อความหนึ่งว่า “มีให้ลุ้นนะครับ (ชื่อห้าง) ใครก็ได้มาเป็นเป้าให้ผมยิงเล่นที จะยิงหัวใครจะเป็นผู้โชคดีที่ให้ผมยิงเล่นตอนนี้กำลังจริงมีปืนด้วยจะให้เปิดตัวใครเห็นก็รู้”
ต่อมาทางผู้โพสต์ก็ได้โพสต์ข้อความอีกคราวนี้มีภาพปืนบรรจุอยู่ในกล่องข้างๆกล่องปืนนั้นมีกล่องกระสุนและหูฟังวางข้างๆ ซึ่งในข้อความระบุว่า “ผมออกมาเอาปืนบ้านเพื่อนรอหน่อยนะว่าผมทำจริงหรือว่าปั่น ถ้าผมยิงหัวใครคนนั้นเป็นผู้โชคดีมาก บ้านผมอยู่จอหอนะครับต้องการจะคุยกับทางบ้านผมก็ไปนะครับก่อนผมจะมาผมก็ยิงไปแล้ว คุกไม่ได้มีไว้ขังหมา”
หลังจากข้อความทั้งหมดถูกโพสต์ออกไปนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ก็ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปรักษาความปลอดภัยตามห้างที่ทางผู้โพสต์ระบุ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบเฟซบุ๊กดังกล่าวจนสาวไปถึงเจ้าของภาพในเฟซบุ๊ก โดยภาพในเฟซบุ๊กนั้นพบว่ายังเป็นเยาวชนอยู่ที่อำเภอพิมาย
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมายจึงได้มีการเข้าไปสอบถามโดยเยาวชนดังกล่าวนั้นได้ให้การปฏิเสธว่า ตนนั้นไม่ได้เป็นผู้โพสต์ถูกเอารูปไปแอบอ้าง แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวเยาวชนคนดังกล่าวนั้นไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่ สภ.พิมาย ก่อนที่ยึดโทรศัพท์เอาไว้เพื่อตรวจสอบพร้อมกับตรวจสอบหาสารเสพติด
จากการตรวจสอบพบว่าเยาวชนดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นผู้โพสต์แต่ถูกเอารูปไปแอบอ้างและตรวจสอบไม่พบสารเสพติดในร่างกาย โดยทางนายวันชัย สุขนา พี่ชายของเยาวชน ยืนยันว่าน้องชายตนนั้นไม่ได้เป็นคนโพสต์ข้อความดังกล่าวแต่ถูกเอารูปไปแอบอ้างซึ่งตนยืนยันว่าหากจับตัวคนโพสต์ตัวจริงได้จะดำเนินดคีให้ถึงที่สุด
ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดนครราชสีมากำลังเร่งตรวจสอบหาผู้โสพต์ตัวจริงเพื่อนำมาสอบสวนและดำเนินคดี ทั้งนี้สำหรับการโพสต์ข้อความขู่ดังกล่าวนั้น อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายมาตรา 384 ประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใดแกล้งบอกเล่าความเท็จ ให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ ประชาชนตื่นตกใจ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ” นอกจากนั้น พฤติกรรมดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ปี 2560 มาตรา 14(2) นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกด้วย