ข่าว

ออกหมายจับ “ผู้กองยา” บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน

ออกหมายจับ “ผู้กองยา” บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน

14 ต.ค. 2567

ออกหมายจับ “ผู้กองยา” ร้อยตำรวจเอกตำรวจนาจอมเทียน หลังคนสนิทซัดทอด บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน

14 ต.ค. 2567 ความคืบหน้ากรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ขยายผลและตรวจสอบข้อเท็จจริง ในคดี ตำรวจ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีการจับกุมผู้ต้องหา 4 คน ก่อเหตุ ขโมยเครื่องจักรขนาดใหญ่ หม้อแปลงไฟฟ้า รถบดสั่นสะเทือน ( รถบดถนน ) และทรัพย์สินอื่นๆ อีกมากมมาย รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท

ออกหมายจับ “ผู้กองยา” บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน

บริเวณด้านหลังโรงงานรับซื้อของเก่า และรีไซเคิลแห่งหนึ่ง ใน ม.1 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และผู้ต้องหาให้การซัดทอด ว่ามีผู้สั่งการ เป็นนายตำรวจระดับยศร้อยตำรวจเอก ฝ่ายงานสืบสวน ของโรงพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ภ.จว.ชลบุรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าว

 

ต่อมาในช่วงค่ำ ของวันที่ 12 ต.ค. 2567 พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จิ ได้มีคำสั่ง ที่ ภ.จว.ชลบุรี 345/2567 ลงวันที่ 12 ตุลาคม ให้ ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง รองสว.สส.สภ.นาจอมเทียน ให้มาปฎิบัติราชการประจำที่ศูนย์ปฎิบัติการ ภ.จว.ชลบุรี โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น

ออกหมายจับ “ผู้กองยา” บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน

13 ต.ค. 2567 เวลา 10.00 น.  พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เดินทางมายัง สภ.บางละมุง เพื่อติดตามและเร่งรัดสำเนาในคดีนี้ โดยเบื้องต้น ชุดสืบสวน สภ.บางละมุง คดีมีการขยายผลและติดตามจับกุมได้เพิ่มอีก 5 คน รวมทั้งทั้งสิ้นในคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 9 คน และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พร้อมทั้งซัดทอด ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง รองสว.สส.สภ.นาจอมเทียน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

 

ออกหมายจับ “ผู้กองยา” บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน

การลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ โดยผู้ต้องหาชุดแรก ที่ถูกจับกุมตัวได้ ขณะกำลังเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์และเคลื่อนย้ายสิ่งของ ออกมาจากโรงงานรับซื้อของเก่าและรีไซเคิล ที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.  2567 ประกอบด้วย

  • นายวัชรากร (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด
  • นายไกรลาศ (สงวนนามสกุล)  อายุ 33 ปี ชาว จ.ระยอง
  • นายสมศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ชาว จ.ระยอง
  • นายชัยชนะ (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ชาว จ.ชลบุรี

 

พร้อมยึดอุปกรณ์ตัดเหล็ก เครื่องมือช่าง และ พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า รีโว่ สีเทา-ดำ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร

 

 

ต่อมาวันที่ 11 ต.ค. 2567 ขณะที่ตำรวจ สภ.บางละมุง ลงพื้นที่ไปเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ามี รถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ ไทตัน สีดำหมายเลขทะเบียน ชลบุรี พร้อมชายไทยจำนวน 5 คน ทราบชื่อผู้ขับขี่คือ นายชนินทร์ (สงวนนามสกุล) หรือเตี้ย อายุ 51 ปี ได้นำอุปกรณ์ตัดเหล็กและเครื่องมือหนัก เข้ามาบริเวณด้านหลังโรงงาน

 

ออกหมายจับ “ผู้กองยา” บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน

โดยตำรวจได้มีการสอบถามคนขับ ให้การอ้างว่า “ตนได้รับการติดต่อจากผู้กองยา ทางโทรศัพท์หมายเลข 066-156xxxx ให้นำช่างมาช่วยขนเหล็กภายในโรงงาน ซึ่งตนเองเข้าใจว่าผู้กองยา ติดต่อกับเจ้าของโรงงานไว้แล้ว ตนจึงว่าจ้างช่างมาด้วยจำนวน 5 คน”

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง จึงได้ทำการสอบปากคำบุคคลทั้งหมด และทำการตรวจยึด โทรศัพท์มือถือของนายชนินทร์ ที่ใช้ติดต่อกับผู้กองยา พร้อมทั้งกันตัวไว้เป็นพยาน

ออกหมายจับ “ผู้กองยา” บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน

ต่อมา วันที่ 12 ต.ค. 2567 จนท.ตำรวจ นำกำลังชุดสืบสวน สภ.บางละมุง ลงพื้นที่หาข่าว และ ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อขยายผลในคดีนี้ จนพบว่า หม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ สำหรับใช้ในโรงงาน ( 3 เฟส ) กำลังไฟ 250 กิโลโวลต์ ของโรงงานที่เกิดเหตุ ที่ถูกขโมยไป ซึ่งจากแนวทางการสืบสวน พบว่าเป็นฝีมือของคนร้ายอีกกลุ่ม ซึ่งถูกว่าจ้าง ให้มาถอดแล้วยกหม้อแปลงดังกล่าวไป ก่อนจะมีการนำไปชำแหละ เพื่อนำไปลวดทองแดง ภายในหม้อแปลง นำไปขาย ที่ร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่เขตหนองขาม อำเภอศรีราชา จ.ชลบุรี

 

 

จึงลงพื้นที่ติดตามจับกุม จนสามารถ จับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่ม อีกคือ

 

  • นายศลิษฏ์ (สงวนนามสกุล) หรือ เนส  อายุ 33 ปี
  • นายประพันธ์ (สงวนนามสกุล) หรือ หมอ   อายุ 45 ปี
  • นายสุพล (สงวนนามสกุล) หรือ ดำ   อายุ 28 ปี
  • นายจีระวัฒน์ (สงวนนามสกุล) หรือ แฮม  อายุ 30 ปี

 

โดยสามารถจับกุมได้ ในพื้นที่ อ.ศรีราชา และ พื้นที่ อ.บางละมุง ทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีว่า ได้รับคำสั่งจากผู้กองยา ไปก่อเหตุขโมยหม้อแปลงที่โรงงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา  ก่อนจะนำชำแหละ แล้วนำลวดทองแดงน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม ไปให้ผู้กองยา

ออกหมายจับ “ผู้กองยา” บงการลักทรัพย์โรงงาน เสียหายเกือบ 10 ล้าน

ส่วนผู้ต้องหารายที่ 9 ถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา ทราบชื่อ นายพงษ์ศักดิ์ (สงวนนามสกุล) หรือ ปื๊ด ห้วยใหญ่ อายุ 43 ปี เป็นคนสนิทของผู้กอง และเป็นผู้ได้รับคำสั่ง จากผู้กองยา นำลวดทองแดง ไปขายให้กับโรงรับซื้อของเก่า ในพื้นที่ อ.ศรีราชา โดยนำลวดทองแดงใส่รถยนต์ รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียนระยอง ซึ่งเป็นรถที่ผู้กองยาใช้

 

โดยได้เงินมา 50,000 บาท และผู้กองยา ได้มีการให้เงิน 10,000 บาท เพื่อนำไปแบ่งให้กับคนอื่นๆ จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว พร้อมกับยึดรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ของผู้กองยาได้ที่บ้านพัก ในเขตพื้นที่หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

 

เบื้องต้น ผู้ต้องหา 5 คน ( ที่ถูกจับกุมได้ล่าสุด ) ถูกแจ้งข้อกล่าวหา

 

  • ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป
  • โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นโดยประการใดๆ หรือรับของโจร

 

 

และถูกส่งตัวไปฝากขังพลัดแรก ที่ศาลจังหวัดพัทยา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่วน ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง รองสว.สส.สภ.นาจอมเทียน หลังมีคำสั่งถูกย้ายให้ไปช่วยงาน ศปก.ภ.จว.ชลบุรี ทราบว่า เจ้าตัว เดินทางไปจังหวัดอุดรธานี โดยอ้างว่าพาภรรยาไปผ่าตัด และยังไม่ได้เดินทางมารายงานตัว ขณะที่พนักงานสอบสวนเร่งสรุปสำนวนคดี โดยมีการสอบปากคำผู้ต้องหา และพยาน รวมทั้งสิ้น 13 ปาก

 

ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น. ( 13 ต.ค. 2567 ) พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ( โฆษกตำรวจภูธรภาค 2 ) เปิดเผยว่า ล่าสุดศาลจังหวัดพัทยา ได้อนุมัติออกหมายจับ ร.ต.อ.ไอศูรย์ ดาทอง อดีตตำแหน่ง รอง.สว.สส.สภ.นาจอมเทียน ตามเลขที่ 544 / 2567 ฐานความผิด

 

  • ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป
  • โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นโดยประการใดๆ หรือรับของโจร

 

ในเบื้องต้น เจ้าตัว มีคำสั่งถูกย้าย ให้มาปฎิบัติราชการประจำที่ศูนย์ปฎิบัติการ ภ.จว.ชลบุรี แต่ยังไม่มีมีการมารายงานตัว เพราะลาราชการ พาภรรยาไปหาหมอที่จังหวัดอุดรธานี

 

อีกทั้ง ภายหลังออกหมายจับ เจ้าตัวยังไม่มีการติดต่อเข้ามอบตัวเช่นกัน แต่จากการรายงานของชุดสืบสวน สภ.บางละมุง แจ้งว่ายังสามารถติดต่อเจ้าตัวได้อยู่ และในระหว่างการพูดคุย ให้เข้ามอบตัว เพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจในคดีนี้ พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ( โฆษกตำรวจภูธรภาค 2 ) ยังกล่าวต่ออีกว่า ในคดีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้ ตำรวจภูธรภาค 2 และ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เร่งสอบสวนและคลีคลายคดีนี้ให้เร็ว และ ให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา

 

เนื่องจากในคดีนี้มีนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอกนายนี้ ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ นโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 มีนโยบายที่ชัดเจน ในกรณีตำรวจมีพฤติไม่ดี และ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฏหมาย ก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทั้งทางอาญาและวินัย โดยจะไม่มีการเลี้ยงไว้ หรือ ให้การช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น และจะไม่มีมวยล้มต้มคนดูอย่างแน่นอน