ข่าว

แม่ช็อกลูกคลั่งจะย่างสด รีบหนีออกจากบ้าน วอนตำรวจจับไม่ปล่อย

แม่ช็อกลูกคลั่งจะย่างสด รีบหนีออกจากบ้าน วอนตำรวจจับไม่ปล่อย

15 ต.ค. 2567

แม่ผวา! ลูกคลั่งจะลากไปทำร้าย รีบหนีออกจากบ้าน สุดท้ายลูกเผารถจยย. จนเหลือแต่ซาก วอนตำรวจจับไม่ปล่อย หวั่นถูกสังหาร

15 ต.ค. 2567 เวลา 13.00 น. ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุหนุ่มอาละวาดจะเผาบ้าน โดยได้เผา รถจยย. ไปแล้ว เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 2 บ้านสามพร้าว ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.บัญชา สาระปัญญา รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังไปตรวจสอบ

 

ที่เกิดเหตุ พบนายเอกรัตน์ หรือ ก้อง อายุ 33 ปี ยืนอยู่บริเวณสวนภายในบ้าน กำลังใช้น้ำดับไฟที่ลุกไหม้ รถจยย. แต่สุดท้ายเหลือแต่ชาก โดยรถจยย.ที่เผาเป็นของเพื่อน ชื่อโอ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 สีน้ำเงินขาว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเกลี้ยกล่อม จนนายเอกรัตน์ยอมมอบตัวโดยดี และไม่ต้องใช้กำลัง

จากนั้นจึงคุมตัวไปสงบสติและอารมณ์ที่ สภ.เมืองอุดรธานี เบื้องต้น ก่อนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ขณะที่ นางนงค์ศรี อายุ 63 ปี มารดาของนายเอกรัตน์ พาตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุ ลูกชายเผา รถจยย. โดยพบว่ารถเหลือแต่ชาก โดยคนเป็นแม่บอกว่า จริงๆ แล้วมันจะลากแม่มาเผาย่างสด แต่แม่หนีทัน หากวิ่งหนีไม่ทันมันเผาย่างสดแม่แน่

 

โดยตำรวจ คุมตัวนายเอกรัตน์ ไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี ตอนอยู่ในรถพบว่าพูดจาวกไปวนมา อาทิ  เป็นนักข่าวใช่ไหมนี่ ผมจะได้ส่วนแบ่งไหม พวกเจ้าจะมาขายข่าวแบบอิสราเอลใช่ไหม

 

สุดท้าย นายเอกรัตน์ บอกว่า สาเหตุที่ตนเผา รถจยย. เป็นเพราะเมาเหล้าขาว ผมไปทำอะไรกับแม่ล่ะ พวกเจ้ารู้จักแม่ผมน้อยไป อีกอย่างแม่ไม่พอใจ ไม่ให้เพื่อนคือนายโอเข้ามายุ่งภายในบ้าน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมทำแบบนั้นกับแม่ นายเอกรัตน์ บอกว่า ไม่ได้ทำอะไรให้แม่ พี่รู้จักแม่ผมน้อยไป ถ้าได้ยินแม่ผมพูดแล้วจะรู้สึก

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า วันนี้เสพยาหรือเปล่า นายเอกรัตน์ ตอบว่า เมาเหล้าขาวล้วนๆ ยังไม่สร่าง ถ้าตรวจฉี่เจอแน่นอนว่าเสพยาเสพติดเพราะเมื่อเช้าเพิ่งเสพมา ตอนนี้ก็ยังเมาไม่สร่างอยากดื่ม เรื่องที่เกิดขึ้นไม่อยากจะขอโทษใครทั้งนั้นตอนนี้ยังไม่สร่างเมาอยากดื่มแต่น้ำ เจ้าหน้าที่จึงได้เอาน้ำให้ดื่ม ก่อนจะคุมตัวไปยังสภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดี หลังจากแม่แจ้งความดำเนินคดีกับลูกชายให้ถึงที่สุด

 

นางนงค์ศรี แม่นายเอกรัตน์  เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า วันนี้ประมาณช่วงบ่าย ตอนมาเก็บดอกโสนกะจะเอาไปทำอาหารไปวัดพรุ่งนี้ ขณะกำลังยืนเก็บดอกโสน ลูกชายเดินมาแล้วหักกิ่งดอกโสน แล้วก็พูดว่าอย่ามาเก็บเหมือนหวงต้นไม้ ตนรู้ว่าลูกชายมีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติดและมีอารมณ์รุนแรง กลัวจะถูกเผา เห็นไม่เข้าท่า ไม่ปลอดภัยจึงหนีออกมา

 

ตนก็สั่งร้านค้าที่หน้าปากทางบอกว่าหากเกิดอะไรขึ้นก็ให้รีบโทรไปบอก ไม่นานร้านค้าโทรไปบอกว่า เห็นควันไฟอยู่ภายในบริเวณบ้าน ตนรีบขับรถมาดูและมาเห็นลูกกชายเผารถจยย. จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับตัวลูกชาย

 

โดยที่เกิดเหตุนั้นเป็นบ้านสวนมีลูกชายพักอาศัยอยู่คนเดียว สาเหตุลูกชายเผารถจยย.แล้วก็คิดว่าน่าจะคลั่ง เนื่องจากเสพยาบ้ามาก ให้ตำรวจเอาไปไหนก็ไป อย่าปล่อยมาหาแม่อีก เลี้ยงลูกชายคนนี้ตั้งแต่เล็กคนโต อย่าปล่อยมันออกมานะ มันออกมามันฆ่าแม่ตายแน่ ขอร้องคุณตำรวจด้วยเถิดพร้อมยกมือขึ้นท่วมหัวเอาไปไหนก็ตาม ไม่นับเป็นลูกชาย แม่ไม่ไหวแล้ว

 

“นายก้อง เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสุดที่รักของแม่เอง มีลูก 3 คน ลูกสาว 2 ตาย 1 คน ลูกชาย 1 คือ นายก้องลูกชายคนเดียว เดิมทีลูกชายทำงานที่โรงงานจังหวัดระยอง จากนั้นก็มาอยู่บ้านกับภรรยา เขามีลูก 1 คนอายุ 3 ปี ก่อนลูกชายเสพยามากจนภรรยาเลิก และหอบลูกไปอยู่ที่อื่น และมีสามีใหม่

 

จากนั้นลูกชายก็มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหนักขึ้น เสพยาบ้าเป็นประจำเคยติดคุกและถูกจับเกี่ยวกับยาเสพติดหลายครั้ง พอถูกจับตนไม่มีเงินไปประกันตัวสู้คดี ก็เอาที่มรดกไปจำนองจำนำ เพื่อเอาเงินที่ได้มาไปประกันตัวลูกออกมา เพราะไม่อยากให้ลูกติดคุก

 

ตนเคยบอกให้ลูกกลับตัวและไปหางานทำแต่ลูกก็ไม่เคยเชื่อและทำตาม เวลาลูกเมายาก็เคยข่มขู่ โดยลูกเคยถือมีดไล่ฟันแม่มาแล้วครั้งหนึ่ง เคยโทรแจ้งตำรวจมาจับ แต่เมื่อตำรวจมาลูกชายก็สงบเงียบ ตอนนี้รู้สึกกังวลมาก กลัวว่าลูกจะกลับออกมา

 

โดยลูกชายเคยขู่อาฆาตแม่ว่า หากแจ้งตำรวจจับจะกลับมาทำร้าย ครั้งนี้หากถูกปล่อยตัวออกมาตนคิดว่าลูกชายคงกลับมาฆ่าแม่แน่ๆ และตนก็จะยอมให้มันฆ่า ห่วงแต่พ่อที่นอนป่วยอยู่บ้านไม่รู้ว่าใครจะดูแลต่อ หากย้อนเวลากลับไปได้ ก็ไม่อยากให้ลูกคนนี้เกิดมาเลยยิ่งดี

 

จับลูกชายคลั่ง