ล่า หนุ่ม ฉายา"แขกขาว" ยิง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านดับ หลังเข้าห้ามทะเลาะแฟนสาว | คมชัดลึก

17 ต.ค. 2567 พ.ต.ต.ชัยนาส ทองรัตน์ สว. (สอบสวน) สภ.บ้านในควน ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมี ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ 

 

ที่เกิดเหตุบนพื้นหญ้าหน้าบ้าน พบร่างของนายสะวง สิริไชย หรือ ผู้ช่วยทวย อายุ 61 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ สวมเสื้อสีขาว กางเกงสีดำ นอนหงายหน้าเสียชีวิต ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นซิกซาวเออร์ ขนาด 9 มม.กระสุนเจาะเข้าบริเวณ ท้อง เอว แผ่นหลัง และแขน รวม 5 นัด 

 

ใกล้กันกับร่างพบอาวุธปืนพกสั้นกล็อก ขนาด 9 มม. ยังบรรจุอยู่ในซองหนัง กระสุนบรรจุอยู่ในแม็กกาซีน แต่ไม่ได้ขึ้นลำไว้ในรังเพลิง ซึ่งเป็นของผู้เสียชีวิต จำนวน 1 กระบอกตกอยู่ 

 

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อคือ นายสมรักษ์ สิริไชย หรือปาล์ม อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นลูกชายผู้เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระบอกเดียวกันเข้าที่ท้อง แขน และขา รวม 3 นัด ถูกนำตัวส่ง รพ.ศูนย์ตรัง ไปก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ทราบว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องเข้าทำการผ่าตัด และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด 

 

ขณะที่บริเวณจุดเกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่จำนวน 14 ปลอก และหัวกระสุนปืนขนาดเดียวกันตกอยู่อีก 2 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ถัดออกมาบนถนนหน้าบ้านพบรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า แกรนด์ดิส สีแดง-เทา ซึ่งเป็นรถของนายวร กกแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระบอกเดียวกัน เข้าที่กระจกด้านหลังทะลุกกระจกหน้ารถ จำนวน 1 นัด 

 

ซึ่งนายวร กกแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.โพรงจระเข้ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนอยู่ในงานศพ ได้มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่เสียชีวิต โทรศัพท์มาบอกว่า มีการทะเลาะวิวาทกันระหว่างหนุ่มและแฟนสาว โดยให้ตนเข้ามาช่วยเคลียร์พื้นที่ ซึ่งเมื่อตนเข้ามาถึงก็พบเห็นว่าแฟนสาวของผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลและฟกช้ำตามใบหน้าและลำตัว พร้อมทั้งได้พูดคุยจนเรื่องน่าจะยุติดีขึ้นแล้ว โดยให้ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกัน และให้แฟนสาวกลับไปบ้านที่ จ.พัทลุง ภายในระยะเวลาประมาณ 5 นาที 

 

โดยก่อนจะกลับตนขอให้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาในการปฎิบัติหน้าที่ เนื่องจากเคลียร์ปัญหากันจบแล้ว และทุกคนกำลังที่จะแยกย้ายเดินจะขึ้นรถกลับ แต่ทางผู้ก่อเหตุ น่าจะไม่พอใจที่ฝ่ายปกครองจะถ่ายภาพ พร้อมพูดสั่งห้ามไม่ให้ถ่าย แต่ปรากฏว่าระหว่างถ่ายภาพนั้น เสียงปืนกลับดังขึ้นทันที โดยยิงใส่ทั้งตน ผู้ช่วยและลูกชายของผู้ช่วย ซึ่งตอนนั้นชุลมุนมากเพราะอยู่กัน 6-8 คน ซึ่งตนไปล้มอยู่อีกด้านหนึ่ง ผู้ช่วยกับลูกชายก็ล้มกันไปคนละทาง เพราะไม่รู้มาก่อนเลยว่า ผู้ก่อเหตุมีการพกปืนอยู่ที่เอว โดยยิงระยะห่างประมาณ 3 เมตร 

 

หลังจากนั้นตนได้ลุกขึ้น และเดินไปบนถนน คนก่อเหตุยังเดินตามไปยิงกระจกรถยนต์ของตนอีก เนื่องจากอาจคิดว่าตนขึ้นหนีขึ้นไปบนรถ และระหว่างนั้นตนก็ได้ชักปืนยิงสวนไป 1 นัด ก่อนคนร้ายจะหลบหนี ถือว่าก่อเหตุอุกอาจที่สุดอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน ส่วนปืนน่าจะยิง 2 แม็กกาซีน เนื่องจากได้ยินเสียงตอนเปลี่ยนแม็กกาซีน ซึ่งตนคิดว่าตนโดนยิงด้วยเพราะล้มอยู่บนพื้น แต่ปรากฏว่าไม่มีรอยกระสุน โดยตนไม่ได้ชักปืนออกมายิงตอบโต้เพราะปืนติดอยู่ที่ท้อง ชักออกมาไม่ได้ ก่อนจะล้มลงและตัดสินใจวิ่งขึ้นไปบนถนน 

 

 

ส่วนคนก่อเหตุคิดว่าตนเข้าไปหลบในรถจึงยิงเข้าไปในรถตน ส่วนตนวิ่งหนีไปบนถนนและยิงสวนกับคนร้าย 1 นัด ซึ่งกับผู้ก่อเหตุตนไม่เคยเห็นหน้า แต่แม่ของเขาเคยอยู่โคราช และเพิ่งกลับมารักษาตัวที่บ้านพื้นที่นี่

 

แนวทางการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผู้เป็นแม่ของผู้ก่อเหตุได้มารักษาตัวกับหมอพื้นบ้านในพื้นที่ ต่อมาผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาเยี่ยมแม่ โดยมาพร้อมกับแฟนสาว ที่คบหากันได้ประมาณ 3 เดือน และทั้งคู่ได้ไปนอนพักอาศัยอยู่ที่ขนำบริเวณเชิงเขาในพื้นที่ กระทั่งก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้ลงมือซ้อมทุบตีทำร้ายแฟนสาวได้รับบาดเจ็บ 

 

ต่อมาแฟนสาวได้ลงมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านด้านล่าง จนมีชาวบ้านนำไปบ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่ปรากฏว่าผู้ช่วยอยู่ที่งานศพในวัด ก่อนชาวบ้านจะช่วยโทรประสานกับผู้ช่วยให้ โดยทางผู้ช่วยได้บอกว่าให้ชาวบ้านช่วยนำตัวแฟนสาวมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านญาติของผู้ก่อเหตุ เพื่อช่วยกันเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อมาถึงที่บ้านหลังเกิดเหตุแล้ว ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุได้ตามลงมาจากขนำมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ ก่อนจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น 

 

เบื้องต้น ตัวผู้ก่อเหตุทราบเพียงฉายาคือ “แขกขาว” อายุประมาณ 37 ปี หลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และมีประวัติเคยต้องคดีทางอาญา และเป็นอาชญากร ที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีต้องการตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมาย.