ข่าว

อัยการ มองท่าน "ว.วชิรเมธี" เทศน์รับปัจจัย ไม่ผิดกฎหมาย ต้องดูบริบทเจตนา

อัยการ มองท่าน "ว.วชิรเมธี" เทศน์รับปัจจัย ไม่ผิดกฎหมาย ต้องดูบริบทเจตนา

18 ต.ค. 2567

อัยการ มองท่าน "ว.วชิรเมธี" เทศน์ไม่ผิดกฎหมายอาญา เผยต้องดูบริบทเจตนาฉ้อโกงหรือไม่ ส่วนเงินบริจาค อายัดได้ แต่จะแตกต่างดาราพรีเซนเตอร์

จากที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กรณีพระเมธีวชิโรดม หรือ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี เคยบรรยาธรรมะให้กับลูกข่าย ดิไอคอน กรุ๊ป โดย น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง เเจ้งความดำเนินคดีเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือการทำธุรกิจออนไลน์ ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงประเด็นการรับปัจจัยบริจาคที่ส่งผลในการลดหย่อนภาษี

 

เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2567 เเหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดให้ความเห็นข้อกฎหมายว่า เรื่องนี้ต้องดูบริบทเจตนา เพราะการที่นิมนต์พระไปเทศน์เเล้วถวายปัจจัย จะแตกต่างกับการจ่ายเงินจ้างดาราไปโฆษณาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งตรงนั้นจะต้องมีการศึกษาข้อมูลของสินค้าก่อนที่จะมีการพูดออกไป แต่ในการเชิญพระไปเทศน์ พระย่อมไม่ได้มีโอกาสศึกษาข้อมูล ส่วนที่มีการบอกว่ามีการเทศให้มีการลงทุนกับบริษัท ตรงนี้ตนมองว่า เป็นเรื่องของสไตล์การเทศน์ของแต่ละคน พระบางรูปก็พูดจาไม่เพราะ มีคำหยาบก็เป็นสไตล์ของพระองค์นั้น 

ซึ่งในพระพุทธศาสนาก็มีคำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับเรื่องอย่าทำอะไรที่โลกติเตียน ตรงนี้มองว่า จะเข้าเรื่องระเบียบวินัยสงฆ์ ซึ่งมีหน่วยงานเฉพาะคอยดูแลอยู่แล้ว ตนมองว่าเป็นการจ้องจับผิด เรื่องทางโลกบางทีก็อยากไปดึงพระเข้ามา เท่าที่ตนดู ท่านไม่ได้ทำอะไรถึงขนาดที่ทำให้ศาสนาเสื่อม 

 

ส่วนประเด็นพระเทศน์เชียร์ให้ลงทุน ต้องบอกว่า เพราะไม่ได้รู้ว่าบริษัทนั้นมีเจตนาที่จะฉ้อโกง เเต่เป็นตัวบริษัทที่ฉวยโอกาสนั้น ทำการอัดคลิปและนำมาโฆษณาเพื่อหลอกคนมาลงทุนมากกว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของพระเพราะไม่มีเจตนา ส่วนที่มีลักษณะเทศน์ชวนคนร่วมงานกับบริษัทมองว่า เป็นการเทศน์ตามสไตล์ เพื่อให้คนหันมาทำมาหากินมากกว่า

ส่วนที่มีการบริจาคเงินให้กับมูลนิธิของพระดังกล่าว เพื่อหวังผลในการลดหย่อนภาษีนั้น แหล่งข่าวระบุว่า ในการบริจาคที่จะมีปัญหาข้อกฎหมายก็คือ การบริจาคเพื่อฟอกเงิน การโอนเงินยักย้ายถ่ายเทที่เป็นการฟอกเงิน ผู้รับโอนต้องรู้ว่า เป็นเงินที่ผิดกฎหมาย หากไม่รู้ แล้วรับโอนเงินเข้ามูลนิธิก็ไม่ผิด มิเช่นนั้นรายการทีวีที่มีการรับบริจาคตามช่องต่างๆจำนวนมากก็ผิดกันหมด แต่ถ้าถามว่าเงินดังกล่าวสามารถถูกอายัดได้หรือไม่ ขอตอบว่า "ทำได้" ถ้าเงินนั้นยังอยู่ในมูลนิธิและเป็นเงินจากการกระทำผิด เป็นเงินของผู้เสียหาย ก็สามารถอายัดได้ เป็นเรื่องทางแพ่งเปรียบเสมือนการเอาเงินโจรมา เมื่อสืบทราบว่า ไปบริจาคที่ไหนและเมื่อเงินยังอยู่ก็สามารถอายัดได้

 

ส่วนประเด็นที่อ้างว่า มีผู้เสียหายจากการดูคลิปพระเทศน์เเละมีการลงทุนตาม อย่างที่ตนกล่าวข้างต้นต้องดูบริบทเจตนาเป็นองค์ประกอบหลัก พระมาเทศน์ไม่ได้รับเงินมาโฆษณา เเต่เป็นบริษัทที่นำคลิปการเทศน์ไปโฆษณา เพื่อหลอกคนมาลงทุน ไม่ใช่พระเจตนาหลอกลงทุน