โผล่อีก ตัวแทน ผู้เสียหาย จากต่างประเทศ บุกยื่น บก.ปคบ. เอาผิด ดิไอคอน กรุ๊ป
โผล่เพิ่ม ตัวแทน ผู้เสียหาย ชาวต่างชาติ จากต่างประเทศ บุกยื่นหลักฐาน ที่ บก.ปคบ. เพื่อเอาผิดผู้บริหาร ดิไอคอน กรุ๊ป
วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ หน้าอาคารกองบังคับการปราบปราม นายอิทธิเดช อายุ 41 ปี ตัวแทนผู้เสียหายคนไทยที่อยู่ต่างประเทศและชาวต่างชาตินำเอกสารบิลเงินสด การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ในเครือ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด, รูปภาพร้านค้า ซึ่งมีการนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปจำหน่ายในต่างประเทศ และรูปภาพผู้เสียหายซึ่งถ่ายคู่กับ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล มอบให้ พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บริหาร บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด
ตัวแทนผู้เสียหายชาวต่างชาติ เปิดเผยว่า ในวันนี้ตัวเองเดินทางมาในฐานะตัวแทนผู้เสียหายคนไทยและชาวต่างชาติในต่างประเทศ รวมกว่า 10 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง มาเก๊า อิตาลี เยอรมัน แคนาดา เอสโตเนีย และ ลักเซมเบิร์ก ซึ่ง กลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการจะเข้ามาเป็นแม่ข่ายแต่ต้องการจะนำสินค้าไปขายจริงๆ ซึ่งรูปแบบความเสียหาย คือการโอนเงินเพื่อชำระค่าสินค้าสำหรับนำไปจำหน่ายแต่กลับได้สินค้า และได้รับแจ้งจากผู้ค้าในประเทศไทยว่าให้รอสินค้าก่อนแต่เมื่อรอก็ยังไม่ได้รับ
ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแม่ค้าที่นิยมจะนำสินค้าไทยไปขายในต่างประเทศ และบังเอิญได้โฆษณาผ่านแอพใน Facebook ประกอบกับเห็นว่ามีบอสดาราร่วมอยู่ในบริษัททำให้เกิดความต้องการที่จะนำสินค้าดังกล่าวไปขายในต่างประเทศ ผู้เสียหายกว่า 40 คน แบ่งเป็นเอเชีย 20 คน และ ยุโรป 20 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท ที่ผ่านมาพบกลุ่มผู้เสียหายบางคนเคยพบกับบอส พอลและบอสดาราที่ต่างประเทศ จึงทำให้เกิดความเชื่อมั่น
ตัวแทนผู้เสียหาย ระบุว่า มีหนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นคนไทยในฮ่องกง ที่ได้ลงทุนสั่งสินค้าเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท โดยมีการสั่งซื้อผงโกโก้ กาแฟ ครีม คอลลาเจน ซึ่งหลังการสั่งสินค้าก็ได้รับสินค้าจริงแต่เป็นปริมาณที่ไม่ ตรงกับยอดสั่งซื้อ เมื่อพยายามติดต่อไปยังแม่ข่ายที่แนะนำ ก็ถูกปฏิเสธความรับผิดชอบ
นอกเหนือจากคนไทยที่อยู่ในฮ่องกงแล้วยังพบว่ามีผู้เสียหาย ชาวจีนรวมถึง ชาวต่างชาติอีกหลายคนซึ่งส่วนใหญ่มีความกังวล เกี่ยวกับการติดตามดำเนินคดี เนื่องจากติดปัญหาเรื่องภาษาและค่าเดินทาง ซึ่งส่วนนี้อาจจะมีการมอบอำนาจให้ญาติหรือคนรู้จักในประเทศไทย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ซึ่งการเข้าแจ้งความดังกล่าวกลุ่มผู้เสียหายก็คาดหวังว่าจะได้รับเงินคืน
ด้าน พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 1 บก.ปคบ. เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักรซึ่งหลังจากรับเอกสารแล้ว ก็จะพิจารณาเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยยืนยันว่าการแจ้งความสามารถดำเนินการแจ้งความได้ไม่มีกำหนด เพียงแต่จะย้ายจากตึกอาคารพิทักษ์สันติเป็น ตึกศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง