สั่งย้าย ตำรวจ 5 นาย หลังชาวบ้านแจ้งความรุมทำร้ายร่างกาย | คมชัดลึก

หลังเกิดกรณีมีชาวบ้านในพื้นที่วัดบ้านชวน จ.ชัยภูมิ นำภาพคลิปหลักฐานว่า เข้าแจ้งความขอความเป็นธรรมว่า มีตำรวจในพื้นที่ สภ.บำเหน็จณรงค์ รุมทำร้ายร่างกายประชาชนได้รับบาดเจ็บ เมื่อช่วงคืนวันที่ 18 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา 

 

โดยกล้องวงจรปิดริมถนนบริเวณหน้าวัดบ้านชวน จับภาพได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เดินเข้ามาหาชาวบ้านที่ยืนอยู่บนฟุตบาตรริมถนน ได้มีการพูดคุยกันซักพักแล้วเหมือนมีปากเสียงกัน และมีตำรวจนายหนึ่งได้เข้าชกต่อยกับชาวบ้านผู้ชายจนล้มคว่ำลงกับพื้น แล้วได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดขับรถยนต์เข้ามาสมทบ และมีเจ้าหน้าที่ลงมาจากรถรวมกว่า 5 นาย หลังจากนั้นก็ได้เกิดการชกต่อยชุลมุนกันขึ้นตามภาพวงจรปิดที่บันทึกช่วงเกิดเหตุไว้ได้ 

ซึ่งมีชาวบ้านผู้เสียหายส่วตามนหนึ่งประกอบด้วย นายปริญญา อายุ 61 ปี 1 ในผู้เสียหายที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาทำร้ายร่างกายทั้งที่อยู่ในบริเวณพื้นที่บ้านของตนเอง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจตราความเรียบร้อย ซึ่งวันนั้นเป็นวันออกพรรษาที่วัดบ้านชวน ตรงข้ามกับบ้านของตนเองอยู่นั้น มีการจัดงานประจำปี ตนเองและลูกหลานขายลูกชิ้นอยู่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นระหว่างเก็บร้าน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ดึกแล้ว ก่อนที่ลูกหลานจะบอกให้ไปส่งและตนเองก็เดินไปสตาร์ทรถ จยย. หลังจากที่สตาร์ทรถเสร็จแล้ว ตำรวจได้เดินออกจากวัดมาถามตนว่า "สตาร์ทรถและเบิ้ลรถทำไม" 

 

 

จากนั้นตำรวจนายดังกล่าวนั้นโทรไปตามพรรคพวก ซึ่งคาดว่าเป็นตำรวจและเจ้าหน้าที่มาตามภาพนั้น จะอยู่บริเวณใกล้เคียงหรืออยู่ภายในวัดที่มีการจัดงาน ก่อนที่ จะมีรถสายตรวจขับเข้ามาจอด และมีเจ้าหน้าที่ลงมาจากท้ายรถหลังจากนั้นก็ได้เกิดการชุลมุนตามภาพ ซึ่งตนเองยืนยันว่า ไม่เคยมีเรื่องและวันที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงหรือมีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทบริเวณหน้าร้านของตนแต่อย่างใด หลังจากที่เกิดภาพเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แยกย้ายกันกลับไป สร้างความมึนงงให้กับครอบครัว และชาวบ้านใกล้เคียงกันจำนวนมาก 

ด้าน นายฐิติพัฒน์ อายุ 35 ปี อีก 1 ในกลุ่มชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกระชากคอลงมาก่อนที่จะมีทางเจ้าหน้าที่เตะซ้ำ เล่าว่า หลังจากที่ตนเห็นเหตุการณ์และมีทางเจ้าหน้าที่ชุลมุนกับเหตุการณ์ ตนจึงได้เข้ามาสอบถามเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไร ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่รายหนึ่งได้ถามตนว่า มีปัญหาใช่ไหม ก่อนที่จะกระชากคอตนให้ล้มลงและมีเจ้าหน้าที่อีกประมาณ 3 นาย เข้ามารุมเตะตามภาพในคลิป เตะอยู่ประมาณ 2-3 ที ตนจะลุกขึ้นก็กดลงกับพื้นเตะซ้ำอีก จนหน่ำใจ สร้างความมึนงงให้กับตนว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นั้นทำเกินกว่าเหตุในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ ที่อยากจะขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย 

 

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตนเองก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานรวมภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณในที่เกิดเหตุคลิปภาพที่มีทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน อีกทั้งยังมีการข่มขู่ทาง Facebook ซึ่งทำให้ตนและครอบครัวนั้นเริ่มอยู่ในความหวาดระแวงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรมในครั้งนี้ ซึ่งพร้อมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จึงตัดสินใจ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวน สภ.บำเหน็จณรงค์ 

 

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา 21 ต.ค.67 มีรายงานล่าสุดว่าทางด้าน พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ สั่งการให้ข้าราชการตำรวจมาปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ด้วยมีการนำเสนอข่าวที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรบำเหน็จณรงค์ ที่ได้เข้าระงับเหตุจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว เพื่อให้การสอบสวนและการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย อาศัยอำนาจตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงให้ข้าราชการตำรวจ มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กรณีที่เกิดขึ้น รวม 5 นาย ประกอบด้วย ยศ ร.ต.ต. 1 นาย ,ส.ต.ต.อีกรวม 4 นาย ดังนี้ 

1.ร้อยตำรวจตรี นิคม หนูหนองโดน รองสารวัตรทำหน้าที่ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สถานีตำรวจภูธรบำเหน็จณรงค์
2.สิบตำรวจตรี อดิศร กาญจนสุคนธ์ ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูภูธรบำเหน็จณรงค์ 
3.สิบตำรวจตรี ธัชพล คำแฝง ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบำเหน็จณรงค์ 
4.สิบตำรวจตรี ธนากรณ์ เมฆชัยภักดิ์ ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบำเหน็จณรงค์ 
5.สิบตำรวจตรี ปรัชญา ภูมิโสม ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรบำเหน็จณรงค์ 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง