ข่าว

“บิ๊กเต่า” มึน พยานคริปโตมั่ว จวบยับพวกหิวแสง

“บิ๊กเต่า” มึน พยานคริปโตมั่ว จวบยับพวกหิวแสง

22 ต.ค. 2567

“บิ๊กเต่า” มึน พยานคริปโต มั่ว สารภาพแล้วสร้างเรื่อง อุปโลกน์ขึ้นมา เรียกร้องความสนใจ จวกยับพวกหิวแสง

22 ต.ค. 2567 เวลา 17.20 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)  ภายหลังจากนายวิฑูรย์ เก่งงาม ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล  ซีอีโอ ดิไอคอน กรุ๊ป เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อให้ข้อมูลหลักฐานวิดีโอ ขณะ บอสพอล จ่ายเงินกับนักร้องเรียน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นักร้องเรียนทั้งหลาย 

 

โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ตนมีการประสานข้อมูลจาก บอสพอล ตั้งแต่วันที่ถูกจับกุมแล้ว ซึ่งทาง บอสพอล ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการให้ข้อมูลต่างๆ ที่มีกลุ่มบุคคลเข้ามาบีบบังคับขูดรีดหรือหาช่องว่างโอกาสต่างๆ มาทำให้บริษัทเดือดร้อน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการทยอยนำข้อมูลต่างๆ เข้ามาให้พนักงานสืบสวนสอบสวนดำเนินการต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่ดูคลิปมีความเชื่อถือหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรียกได้ว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดีในเรื่องของการสืบสวน โดยหลักฐานในวันนี้มีทั้งวิดีโอและภาพนิ่ง โดยจะขยายผลไปถึงทุกคนที่มาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือเจ้าหน้าที่ โดยจะบังคับใช้กฎหมาย

 

คลิปที่ได้มา มาจากความร่วมมือในหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์หลายช่วงหลายระยะเวลา ซึ่งตอนนี้คลิปมีจำนวนมาก จะต้องมีการไล่ดูแต่ละคลิป โดยกลุ่มรีดทรัพย์ไม่รู้ตัวว่าบอสพอลมีการบันทึกวิดีโอและเสียงไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ตนได้รับรายงานว่าโทรศัพท์อีกเครื่องของ บอสพอล เปิดได้แล้ว แต่ไม่พบข้อมูลอะไร

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว

และในส่วนที่มีนักร้องเรียนหญิงรวบรวมผู้เสียหายทำการขอเงินคืนจาก ดิไอคอน กรุ๊ป เนื่องจากขายของไม่ได้ ตรงนี้ตนไม่ขอไปยุ่งเกี่ยว เพราะเป็นในส่วนการทำงานของ บก.ปคบ.

 

แต่เชื่อว่าผู้เสียหายที่ออกมาร้องเรียนร่วมกับนักร้อง มีแกนนำแน่นอน แต่ขอให้เป็นเรื่องของการสืบสวน ตำรวจจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง พร้อมดำเนินคดีกับทุกคน 

 

ส่วนข้อหาว่าเข้าข่ายอะไรบ้าง หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็จะโดนเรื่องของเรียกรับผลประโยชน์ แต่ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาก็จะโดนเรื่องของกรรโชกทรัพย์ อย่างไรก็ตามจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

สำหรับที่มีบุคคลหนึ่งกล่าวอ้างว่าหนึ่งใน 18 บอส มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปเป็น เงินดิจิทัล หรือ คริปโต ขอชี้แจงว่า บุคคลดังกล่าวที่มากับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้มีการสอบสวนไปแล้ว บุคคลดังกล่าวสารภาพแล้วว่าข้อมูลมั่ว ไม่มีที่มา เป็นการอุปโลกน์ขึ้นมา โดยอ้างว่าเป็นการถามจากเพื่อนและเสิร์ชหาทางเว็บไซต์  โดยที่ไม่มีข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเสียหายต่อหลายองค์กรที่มีการพาดพิงถึง 

 

ทั้งนี้จะต้องพิจารณาและประชุมหารือว่าจะต้องดำเนินการทางกฎหมายถึงขั้นไหนอย่างไร และส่วน นายเอกภพ จะโดนด้วยหรือไม่ ก็ต้องพิจารณากันอีกครั้ง และคาดว่าที่บุคคลดังกล่าวออกมากระทำการเช่นนี้ เพราะอยากเรียกร้องความสนใจ

 

“ขอบคุณผู้ที่มีจิตอาสาทุกคนในการที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แต่ไม่อยากให้เข้ามาเพื่อหาแสง เพราะตอนนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แสงมันจ้าไปหมด คนถึงเข้ามากัน จึงขอเตือนบางคน ข้อมูลต่างๆถ้าคิดว่าจะช่วยเหลือสังคมจะต้องแม่นกฎหมาย ต้องรู้ว่าการกระทำจะไม่หมิ่นเหม่ในข้อกฎหมาย หากเข้ามาแล้วสร้างความวุ่นวายสร้างความไขว้เขวอันนี้ต้องว่ากัน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

 

นอกจากนี้ในเรื่องคริปโต บก.ปอศ. มีการตรวจสอบแล้วทราบว่า มันมีเงินไหลเวียนแบบนี้แทบทุกวันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ตรงกับช่วงเวลาดังกล่าวพอดี อย่างไรก็ต้องสืบสวนกันต่อไป 

 

อย่างไรก็ตามตนขอยืนยันว่าเทวดามีอยู่จริง โดยเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจ แต่จะเป็นใครนั้นก็อยู่ระหว่างการสืบสวนต่อไป 

 

“และสำหรับจะมีการออกหมายจับใครหรือไม่ จะเป็นพระเอกหรือนางเอก ต้องรอลุ้นเอา” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว