ข่าว

DSI รับ "ดิไอคอน กรุ๊ป" เป็นคดีพิเศษ หลังตรวจพบกลุ่มผู้บริหารฟอกเงิน

DSI รับ "ดิไอคอน กรุ๊ป" เป็นคดีพิเศษ หลังตรวจพบกลุ่มผู้บริหารฟอกเงิน

24 ต.ค. 2567

ดีเอสไอ เผย ตรวจพบกลุ่มผู้บริหาร "ดิไอคอน กรุ๊ป" โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน จึงรับเป็นคดีพิเศษ

24 ต.ค. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และนายอัษฎาวุธ ศรีปิตา ผู้ช่วยโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันแถลงข่าวการรับคดีฟอกเงิน กรณี ดิไอคอนกรุ๊ป เป็นคดีพิเศษ

              

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสืบสวนตามมาตรา 23/1 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีเกี่ยวกับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม และอาหารเสริม ในลักษณะการประกอบธุรกิจขายตรงว่า มีการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือความผิดฐานฟอกเงินหรือความผิดอื่นที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือไม่ 

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ

โดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน เลขสืบสวนที่ 178/2567 แต่เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จับกุมดำเนินคดีกับผู้บริหารและเครือข่ายของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จำนวน 18 ราย ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” อันเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งตามประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2565 เรื่องกำหนดรายละเอียด ของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

           

 

คณะพนักงานสืบสวนจึงสืบสวนปรากฏข้อมูลและพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า กลุ่มผู้บริหารบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด และเครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิด โดยนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนทำธุรกิจ ดังกล่าว "ทำการโอนหรือเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สินจำนวนมาก

ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยจากการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่มีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่า ได้มาในช่วงเวลากระทำความผิด ดังนี้ 

 

1. ที่ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 13 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 3 ไร่เศษ ราคาประเมินมูลค่าประมาณ 60,000,000 บาท ประกอบด้วย ที่ดินและอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด จำนวน 8 แปลง เนื้อที่รวม 240 ตารางวา ในพื้นที่เขตบางเขน และที่ดินที่เป็นชื่อของนายวรัตน์พลฯ จำนวน 5 แปลง เนื้อที่ 282.20 ตารางวา ในพื้นที่เขตบางเขน บึงกุ่ม บางกะปิ ลาดพร้าว 

              

2. ที่ดินในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จำนวน 3 แปลง รวมเนื้อที่กว่า 63 ไร่เศษ ราคาซื้อขายประมาณ 300,000,000 บาท 

              

3.ทรัพย์สินที่ได้จากการที่คณะพนักงานสืบสวนได้ทำการตรวจค้นเป้าหมายห้องเช่าบริเวณถนนรามอินทรา ซอย 9 จากการตรวจค้นพบสิ่งของทรัพย์สินซึ่งจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้บริหาร บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด บางคน ได้นำมาเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อไม่ให้ตรวจสอบ พบก่อนที่ศาลอาญาจะอนุมัติหมายจับ เช่น นาฬิกามีเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดัง สร้อยที่มีลักษณะเป็นสีทอง พระเครื่องเลี่ยมสีทอง กระเป๋ามีเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดัง และพยานหลักฐานอีกจำนวนหนึ่ง

                

กรมสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาจากพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงดังกล่าวน่าเชื่อได้ว่า กลุ่มผู้บริหาร บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด มีพฤติการณ์ "โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน" ที่ได้จากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นการกระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงินอันเป็นความผิดตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจึงรับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ

 

DSI รับ \"ดิไอคอน กรุ๊ป\" เป็นคดีพิเศษ หลังตรวจพบกลุ่มผู้บริหารฟอกเงิน DSI รับ \"ดิไอคอน กรุ๊ป\" เป็นคดีพิเศษ หลังตรวจพบกลุ่มผู้บริหารฟอกเงิน DSI รับ \"ดิไอคอน กรุ๊ป\" เป็นคดีพิเศษ หลังตรวจพบกลุ่มผู้บริหารฟอกเงิน DSI รับ \"ดิไอคอน กรุ๊ป\" เป็นคดีพิเศษ หลังตรวจพบกลุ่มผู้บริหารฟอกเงิน DSI รับ \"ดิไอคอน กรุ๊ป\" เป็นคดีพิเศษ หลังตรวจพบกลุ่มผู้บริหารฟอกเงิน