พระครูปลัด หลอกยืมเงินสร้างโบสถ์ 3 ล้าน สุดท้ายถูกเบี้ยว
ร้องพระครูปลัด หลอกยืมเงิน 3 ล้านเอาไปสร้างโบสถ์วัด สุดท้ายถูกเบี้ยวหนี้ แถมจับโป๊ะได้ตอนหลังว่า เป็นสำนักสงฆ์ ไม่ใช่วัด
25 ต.ค. 2567 เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ.พร้อมด้วย ทนายเจส ณัฐปกรณ์ สุดชา พา นายวันชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี พร้อมญาติ เดินทางมาจากจังหวัดระยอง เข้าพบ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูก พระครูปลัด สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ในจังหวัดระยอง แอบอ้างว่าเป็นเจ้าอาวาสวัด ทั้งที่เป็นเพียงสำนักสงฆ์ ขอยืมเงินไปหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2557 โดยอ้างว่าจะเอาเงินไปสร้างโบสถ์ของวัด เพื่อให้วัดมีสถานที่ประกอบกิจของสงฆ์ และบอกว่าหากสร้างแล้วจะนำเงินมาคืนผู้เสียหาย ปี 2563
ผู้เสียหายซึ่งเลื่อมใสศรัทธาในตัวพระครู เพราะเคยมาช่วยถอนของออกจากหลานชายที่ไปสักแล้ว อาจารย์สักลงคาถาลงของไว้ให้ จึงหลงเชื่อและโอนเงินให้พระครูปลัดไปหลายครั้ง รวมทั้งหมดกว่า 3 ล้านบาท
แต่ตนมาทราบภายหลังว่าแท้จริงแล้ว วัดที่พระครูปลัดอ้างนั้นไม่ใช่วัด เป็นเพียงแค่สำนักสงฆ์เท่านั้น พวกตนรู้สึกว่าโดนหลอก จึงมีการติดตามทวงถามเงินคืนจากพระครูปลัดหลายครั้ง แต่ได้รับเงินคืนแค่ 7 หมื่นบาทเท่านั้น ที่เหลือยังไม่คืน พร้อมกับทำหนังสือรับสภาพหนี้ เขียนเป็นลายมือไว้ให้
พระครูท่านนี้ยังอ้างว่า มีลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นคนมีสี ตำรวจ ทหาร พร้อมที่จะช่วยจัดการให้ สร้างความกลัวว่า จะไม่ได้รับเงินคืนและกลัวเรื่องความปลอดภัยจึงไปแจ้งความลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.วังจันทร์ จ.ระยอง ก่อนจะปรึกษากันมาขอความช่วยเหลือจาก จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พร้อมด้วยทนายเจส พาเข้าแจ้งความที่กองปราบฯ วันนี้
ทนายเจส ณัฐปกรณ์ กล่าวว่า สำหรับหนังสือที่พระครูปลัดเขียนรับสภาพหนี้ด้วยลายมือให้กับผู้เสียหายนั้น แม้จะทำเพียงฝ่ายเดียวไม่มีพยานก็ตาม แต่ยังสามารถนำไปใช้ฟ้องในคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายคืนได้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ตรวจสอบหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมา พบว่า กรณีที่แจ้งความไว้ สภ.วังจันทร์ นั้น เป็นเพียงลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีมีกลุ่มบุคคลมาวนเวียนแถวบ้านพักผู้เสียหาย แนะนำให้กลับไปแจ้งความดำเนินคดีพระครูปลัดรูปดังกล่าวฐานฉ้อโกง ถ้าคดียังไม่คืบหน้าให้กลับมากองปราบฯ อีกครั้ง