ข่าว

โต้เดือดทุกปม อาจารย์พิเศษ รร.นายร้อยฯ เดินหน้าสู้กลับ ภรรยาบิ๊กตำรวจ

โต้เดือดทุกปม อาจารย์พิเศษ รร.นายร้อยฯ เดินหน้าสู้กลับ ภรรยาบิ๊กตำรวจ

25 ต.ค. 2567

โต้เดือดทุกปมร้อน อาจารย์พิเศษ รร.นายร้อยตำรวจ แจงละเอียดยิบพร้อมสู้กลับ ภรรยาบิ๊กโจ๊ก งานนี้ต้องพิสูจน์ด้วยหลักฐาน พร้อมเผยถึงคดีฉ้อโกงของตัวเอง

25 ต.ค. 2567 กรณี น.ส.ธณัฏฐา อาจารย์พิเศษ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เข้าแจ้งความ นางศิรินัดดา หักพาล ภรรยา พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ฐานลักทรัพย์ ในคอนโดมิเนียมหรู ซอยสุขุมวิท 101 โดยทรัพย์สินที่หายไป ประกอบด้วย ทองคำแท่ง 10 บาท 10 แท่ง , สร้อยคอทองคำ 5 บาท 2 เส้น , สร้อยข้อมือทองคำ หนัก 5 บาท 1 เส้น , สร้อยคอทองคำ หนัก 3 บาท 1 เส้น , พระเลี่ยมทอง 2 บาท 1 องค์ และ เงิน 600,000 บาท มูลค่า 5.7 ล้านบาท ท้องที่ สน.พระโขนง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2567ที่ผ่านมา

 

โดยเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาพระโขนง อนุมัติหมายจับ นางศิรินัดดา ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันบุกรุกเคหสถาน โดย นางศิรินัดดา เข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหา โดยให้การปฏิเสธก่อนยืนประกันตัวออกไป วงเงิน 105,000 บาท นั้น

 

โดยในวันนี้ มีรายงานข่าวว่า หลังจากที่ นางศิรินัดดา เข้ามอบตัวแล้ว ทนายความของนางศิรินัดดา ให้ข้อมูลไปแล้วว่า ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา มีรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีที่ นางศิรินัดดา มีกุญแจเข้าไปในห้องพักในคอนโดมิเนียมได้ เพราะเป็นผู้เช่าห้องต่อในราคา 10,000 บาท/เดือน เนื่องจากอีกฝ่ายมาขอร้อง นั้น

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา น.ส.ธณัฏฐา ผู้ร้อง ออกมาตอบโต้ ว่า ยืนยันว่ามีคลิปจริง แต่ไม่สามารถเปิดคลิปได้ เพราะถ้าเปิดคลิปคู่กรณีจะฟ้องตัวเองอย่างแน่นอน

 

ระแคะระคายมาระยะหนึ่งแล้ว  เนื่องจากตัวเองแอบดูแชทการสนทนา จนนำไปสู่การติดตั้งกล้องแอบถ่ายไว้ จากนั้นวันที่ 6 มิถุนายน คู่กรณีได้ขอมาเจอกับตนเพื่อเจรจาเรื่องนี้ และเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม คู่กรณีกลับปฏิเสธ เรื่องที่ตนระแคะระคาย

 

ทั้งนี้ตนพยายาม ติดต่อสามีคู่กรณี ทั้งส่งจดหมายไปที่หน้าหมู่บ้าน และทาง sms เพื่อเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น พร้อมกับทวงทรัพย์และทองคำคืน

 

สำหรับคลิปลับ ไม่ได้มีการส่งให้ใคร รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย และตัวเองยังไม่ได้มีการฟ้องร้องในคดีอื่น  

 

สำหรับความสัมพันธ์ของตัวเองและคู่กรณี ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพิ่งมารู้จักก็ตอนที่เริ่มระแคะระคาย

 

ส่วนประเด็นทองคำ 120 บาท และเงินสด ที่หายไปนั้น ยืนยันว่ามีจริง และตัวเองได้เก็บรวมกันไว้ในกระเป๋าสีดำ ซึ่งอยู่ในลิ้นชักภายในห้องนอน พร้อมกับปืนอีก 3 กระบอก ซึ่งปืนไม่หาย แต่ทรัพย์สินดังกล่าวหายไป แต่กลับมีกระเป๋าของคู่กรณีที่ภายในมีกระดาษขายทอง กรมธรรม์ ที่ปรากฎชื่อของคู่กรณีอยู่ภายในกระเป๋า ซึ่งวางอยู่ด้านในห้อง เรื่องที่ถูกขโมยสินสอดตัวเองไปนั้น  ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเขาไม่มีเงิน แต่มองว่าเป็นการล้มงานแต่ง

 

ในส่วนของการเช่าคอนโดมิเนียมที่คู่กรณีอ้างว่า สามีของตัวเองขอความช่วยเหลือให้คู่กรณีเช่าคอนโดมิเนียม เดือนละ 10,000 บาท ส่วนตัวเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ พร้อมยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และหากเป็นความจริงอยากให้คู่กรณีเปิดเผยสัญญาการเช่าห้อง หลักฐานการโอนเงิน หรือ หากจ่ายเป็นเงินสด ก็ต้องมีหลักฐาน พร้อมยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้มีความเดือดร้อนจนถึงขั้นที่ต้องไปยืมเงินคู่กรณี เพราะตัวเองก็มีทรัพย์สินมากพอ

 

ส่วนถุงสายรุ้งที่คู่กรณีอ้างว่า มีกระเป๋าแบรนด์เนมอยู่นั้น ยืนยันว่า เจอภายในห้องดังกล่าวจริง แต่ในตอนแรกไม่ได้เปิดดูแต่เมื่อระแคะระคายเรื่องราว จึงตัดสินใจเปิดดูและเห็นว่าเป็นของอย่างอื่นตามที่ได้เป็นข่าวไปแล้ว และไม่เจอกระเป๋าแบรนด์เนม ส่วนนี้ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว

ธณัฏฐา

น.ส.ธณัฏฐา อาจารย์พิเศษ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เผยถึง เรื่องคดีที่ตนเคยถูกดำเนินคดี การฉ้อโกง ตอนนี้ศาลยกฟ้องไปแล้ว 2 คดี ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา 2 คดี และไกล่เกลี่ยไปแล้ว 1 คดี รวมทั้งหมด 5 คดี  

 

ส่วนคดีของนางศิริพร เป็นการทำแฟรนไซส์โดนัทร่วมกัน ของตัวเองกับนางศิริพร ซึ่งเป็นคุณครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งตัวเองนับถือนางศิริพรเป็นแม่เหมือนพี่สาว เพราะตัวเองเคยไปอาศัยอยู่ที่บ้านนางศิริพร คอยดูแลพ่อแม่เขา และพาไปเปิดหูเปิดตา ซึ่งนางศิริพรเมื่อก่อนอยู่กับสามีแก่คนหนึ่ง และในภายหลังได้มีพฤติกรรมหญิงชอบหญิง และตัวเองก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ จู่ๆนางศิริพร ได้ล้มกระดานธุรกิจที่มีร่วมกัน ทำให้ตัวเองหมดเนื้อหมดตัว ติดหนี้ติดสิน และติดคุกด้วย ซึ่งส่วนนนี้ตัวเองมองว่าถูกลกลั่นแกล้งจึงได้แจ้งความกลับ

 

ส่วนรถ BMW ที่มีประเด็นกัน ได้มีการตกลงซื้อร่วมกัน เพื่อจะใช้ร่วมกันในธุรกิจ ส่วนตัวเป็นคนผ่อน แต่เป็นชื่อของนางศิริพร โดยส่วนตัวมีหลักฐาน ในการสเตทเมนท์ในการโอนเงินทุกอย่าง

 

ส่วนประเด็นเรื่องการเป็นอาจารย์พิเศษ ตนเองจบเรื่องการบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการการตลาด จึงเป็นอาจารย์สอนพิเศษ ให้ความรู้นักเรียนในร้อยตำรวจ  ว่า หากรายได้จากอาชีพไม่พอ จะต้องมีลู่ทางในการหาเงินขายของแบบใดได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแชร์จากประสบการณ์ตัวเอง ที่มีธุรกิจการขายร้านโดนัท และมีความเชี่ยวชาญเรื่องกระบวนการสอบสวน ซึ่งตอนนั้นตัวเองก็ กำลังเรียนระดับ ป.โท อยู่  

 

ส่วนเรื่องที่ศาลแห่งหนึ่ง มีการระบุ โพสต์ ตำแหน่ง ดอกเตอร์นำหน้า นั้น ตัวเองไปทำบุญบริจาคโดนัท และบอกแค่ว่ากำลังเรียนในระดับปริญญาเอก ซึ่งยังเรียนไม่จบการศึกษา แต่ในส่วนของศาลน่าจะมีการเขียนให้เอง

 

สำหรับภาพการสวมชุดข้าราชการตำรวจ ขอ ชี้แจงว่า เป็นงานแฟร์เวลไนท์ ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ให้แต่งกายอาชีพในฝัน

 

ซึ่ง ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ว่า ถ้าไม่ได้อยากเป็นตำรวจ ทำไมถึงเลือกที่จะสวมชุดตำรวจไปงานเลี้ยง พร้อมเครื่องแบบเต็มยศ น.ส.ธณัฏฐา ระบุว่า ตนเองไม่เคยฝันอยากเป็นตำรวจเลย เพราะมีสามีเป็นตำรวจอยู่แล้ว จะอยากเป็นตำรวจอีกทำไม แต่ตอนนั้นตนเองไม่ได้เตรียมชุดอะไร และตอนนั้นก็มีน้องที่เป็นตำรวจจริงอีกคน ให้หยิบยืมชุดใส่ ซึ่งในภาพจะเห็นป้ายชื่อปักที่หน้าอก เป็นชื่อจริงนามสกุลจริง ของตนเอง เพราะข้างมหาวิทยาลัยมีร้านทำป้ายชื่อ เลยทำให้สมจริง

 

ส่วนประเด็นเรื่องการฟ้องร้อง หลังจากนึ้ ก็จะมีการปรึกษากับทางสามีอีกครั้งว่า จะมีการฟ้องร้องในประเด็นไหนเพิ่มเติม ซึ่งแม้ว่าจะมีกระแสข่าวว่า ในส่วนของภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ น่าจะมีการฟ้องร้องกับตัวเองนั้น ส่วนตัวไม่สนใจ และพร้อมที่จะเปิดหน้าสู้

 

ส่วนความผิดพลาดของสามี พร้อมที่จะให้อภัยสามี ซึ่งคาดว่าน่าจะยังคงมีการแต่งงานต่อไป  สุดท้ายอยากจะฝากไปถึงคู่กรณีว่า ให้เอาของมาคืน