สอบสวนกลาง ส่งสำนวน ดิไอคอน กรุ๊ป ล็อตแรก 18 ลัง ให้ ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ
ตำรวจสอบสวนกลาง ส่งสำนวน ดิไอคอน กรุ๊ป ล็อตแรก 18 ลัง 156 แฟ้ม ให้ ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ ชี้ผู้เสียหายยังสามารถแจ้งความตำรวจได้ทั่วประเทศ
28 ต.ค.2567 เวลา 14.40 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสำนวนคดี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด จำนวน 18 ลัง โดยเป็นสำนวนคดีที่รับเรื่องจากผู้เสียหายที่แจ้งความ ตั้งแต่วันที่ 10 - 16 ต.ค. 2567 ไปส่งมอบให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อดำเนินการรับเป็นคดีพิเศษ และยังมีสำนวนบางส่วนที่อยู่ระหว่างดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทยอยส่งสำนวนที่เหลือให้ในภายหลัง
โดย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวว่า วันนี้ได้มีการส่งมอบสำนวนของคดี ดิไอคอน พร้อมด้วยพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ทั้งหมดให้กับ ดีเอสไอ เบื้องต้นมีสำนวนที่ส่งในวันนี้ทั้งหมด 18 ลัง 156 แฟ้ม ที่เป็นผู้เสียหายที่มาแจ้งความระหว่างวันที่ 10 - 16 ต.ค. ประกอบด้วยผู้เสียหายลำดับที่ 1-325 ซึ่งบางส่วนจะทยอยตามไปเรื่อยๆ โดย บช.ก. รับผู้เสียหายไว้ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3,400 กว่าราย ไม่รวมพยานบุคคลที่ทำการสอบไว้อีกหลายปาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสำนวนถูกส่งไปที่ ดีเอสไอ แล้ว ทางบช.ก. จะยังคงรับแจ้งความจากผู้เสียหายอยู่หรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายไว้แล้วว่า ในระหว่างนี้ ผู้เสียหายสามารถที่จะร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทั่วประเทศเหมือนเดิม หรือสามารถไปแจ้งความที่ ดีเอสไอ ก็ได้ ซึ่งทางตำรวจยังทำเหมือนเดิมจนกว่าทาง ดีเอสไอ จะรับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งจากนั้นแล้วก็ต้องดูว่าทาง ดีเอสไอ จะประสานให้ทาง บช.ก.ดำเนินการอะไรอีกหรือไม่ หาก บช.ก.ดำเนินการได้ก็จะดำเนินการให้
เมื่อถามต่อว่าหาก ดีเอสไอ รับสำนวนไปแล้ว และยังเห็นช่องโหว่ของสำนวน ทางบช.ก.จะส่งทีมไปช่วยทำคดี กับทาง
ดีเอสไอ หรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ ระบุว่า ตามกฎหมาย หาก ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษแล้ว อำนาจทั้งหมดก็จะอยู่ที่ ดีเอสไอ ดำเนินการ แต่ในเรื่องที่ว่า จะมีช่องโหว่ของสำนวนนั้นไม่น่าจะมี เพราะตอนนี้ยังอยู่ในชั้นสอบสวนที่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยที่ส่งคดีไปก็เพื่อที่จะให้ ดีเอสไอ ดำเนินการต่อให้สมบูรณ์
ในส่วนที่ทางทนาย 18 บอส ได้มีการแจ้งความในส่วนของผู้เสียหายให้ตกเป็นผู้ต้องหาตามกัน ตรงนี้สำนวนจะตัดเป็นอีกเลขคดีหนึ่งให้ ดีเอสไอ ทำหรือไม่
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาในการแจ้งความร้องทุกข์ แต่เราก็ต้องมาพิจารณากันว่า สิ่งที่ร้องทุกข์อยู่ในอำนาจการสอบสวนของตำรวจหรือไม่ หากอยู่ในอำนาจการสอบสวนของเราก็ดำเนินการไป หากเข้าคดีพิเศษ ก็จะส่งให้ DSI เป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมก็อยู่ที่พยานหลักฐานที่ตอนนี้ตำรวจรวบรวมหลักฐานแล้ว หากพบว่ามีฐานความผิดอื่นด้วยก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษก็ใช้หลักเดียวกันหากสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดฐานอื่นอีกก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้
ถามต่อว่า ดีเอสไอ จะสามารถทำสำนวนทัน 4 ฝาก หรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า หากมีการแจ้งข้อหา พ.ร.ก. กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน จะเพิ่มเป็น 7 ฝาก 84 วัน ก็จะมีเวลาทำสำนวนเพิ่มขึ้น โดยรวมเป็นสำนวนเดียวกัน เพราะตอนนี้มีการกระทำผิดกฎหมายหลายบท จากเดิมที่เรามีพยานหลักฐานเบื้องต้นที่ไปขออนุมัติหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และพ.ร.บ.คอมฯ แต่สอบสวนไปแล้วพบว่ามี พ.ร.ก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็อยู่ในเรื่องเดียวกัน