ข่าว

ผู้ช่วยผบ.ตร. แจง จับ 14 ผู้ต้องหาคดีตากใบไม่ได้สักคน แม้เฝ้าติดตาม 241 จุด

ผู้ช่วยผบ.ตร. แจง จับ 14 ผู้ต้องหาคดีตากใบไม่ได้สักคน แม้เฝ้าติดตาม 241 จุด

29 ต.ค. 2567

ผู้ช่วยผ.ตร. ยืนยัน ตร.ทำสุดความสามารถแล้ว ขณะนี้หมายจับไทย-สากลหมดสภาพบังคับ ส่วนปลัดอำเภอท่าอุเทนโผล่ทำงานวันรุ่งขึ้น โยนต้นสังกัดพิจารณา

กรณีคดีตากใบหมดอายุความ เมื่อ 25 ต.ค. 2567 เวลา 24.00 น. หลังเป็นคดีความยาวนาน 20 ปี ตั้งแต่ ปี 2547 โดยไม่สามารถติดตามตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับทั้ง 14 รายได้ 

 

29 ต.ค. 2567 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ศาลออกหมายจับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เร่งสืบสวนจับกุมตัวคนร้าย โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการทุกหน่วยงานให้ช่วยกันสืบสวน และระดมกำลังเข้าตรวจค้น 52 จุด และเฝ้าจุดติดตาม 241 จุด แต่ก็ไม่พบตัวผู้ต้องหา 

จากนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกหมายแดงหรืออินเตอร์โพลทั้ง 14 คน ทราบว่ามีผู้ต้องหา 2 คน หลบหนีไปที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศอังกฤษ ทางกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงประสานประเทศต้นทางแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ ซึ่งเมื่อคดีขาดอายุความตามที่ศาลจำหน่ายคดีไป คดีที่นำคดีอาญามาฟ้อง ก็ต้องถูกระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ทำให้หมายจับหมดสภาพบังคับ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย ถือเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วใช่หรือไม่ พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า หมายจับที่ออกไปก็จะมีวันหมดอายุอยู่ในหมายด้วย ดังนั้น สภาพหมายจับทั้งของไทยและสากลก็จะหมดสภาพบังคับไปด้วย

ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เลิศสงคราม ปลัดอำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม 1 ใน 14 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในวันรุ่งขึ้นหลังจากคดีหมดอายุความ จนเกิดกระแสวิจารณ์ว่าตำรวจไม่จริงใจในการติดตามตัวหรือไม่ พล.ต.ท.สำราญ ชี้แจงว่า หมายจับที่ออก ทุกภาคส่วนระดมกำลังติดตามจับกุม เช่น ตำรวจศาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ก็ช่วยกันติดตามตัว แต่เมื่อไม่สามารถติดตามตัวได้ทัน และมาปรากฎตัวภายหลังคดีหมดอายุความ ก็ขึ้นอยู่กับต้นสังกัดในการพิจารณาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

 

เมื่อถามว่า ตำรวจรู้แหล่งที่อยู่ของผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย แต่ไม่สามารถจับกุมตัวได้ จะตอบคำถามสังคมอย่างไร พล.ต.ท.สำราญ ยืนยันว่า ทางตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาอย่างสุดความสามารถแล้ว ทั้ง หาตามภูมิลำเนา บ้านญาติพี่น้อง รวมถึงประสานไปต่างประเทศ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดทำให้คดีขาดอายุความไป 

 

ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ภายหลังจากคดีหมดอายุความนั้น พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ก็เฝ้าระวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และแจ้งเตือนตำรวจให้ป้องกันชีวิต และทรัพย์สินชาวบ้าน และสถานที่ราชการ และรักษาความสงบในพื้นที่

 

เมื่อถามย้ำว่า การติดตามตัวผู้ต้องหาไม่ได้แม้แต่คนเดียวในครั้งนี้ ถือเป็นความผิดพลาดของตำรวจหรือไม่ พล.ต.ท.สำราญ ตอบเพียงว่า ในประเด็นนี้ ผบ.ตร. จะตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง