"ทนายวิฑูรย์" ยอมรับ "บอสพอล" โอนเงินให้แม่นักการเมือง ส. จริง
"ทนายวิฑูรย์" ประชุมทีม 18 บอสสู้คดี เตรียมนำ 2,000 พยานให้การ แจงยอดเงิน 25. ล้าน ดีเอสไอ ตรวจพบ "บอสพอล" โอนให้แม่นักการเมือง ส. จริง แต่แค่ทำบุญ
31 ต.ค. 2567 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ต้องหาในคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ได้เข้าเยี่ยม บอสพอล เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการต่อสู้คดี
นายวิฑูรย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าไปเยี่ยม บอสพอล ว่า วันนี้มีนัดคุย กับทนายความหลายทีมภายในเรือนจำ เบื้องต้นประเด็นหลัก คือการมอบหมายส่งงานแจ้งความนักร้องสาวให้ทีมงานอีกชุดทำต่อ รวมทั้งจะมีการประชุมแบ่งงานกันว่า ทนายแต่ละคนจะทำหน้าที่เรื่องอะไรบ้าง และจะนำหนังสือแต่งตั้ง ทนายให้ บอสกันต์ กันตถาวร เซ็นด้วย เพื่อให้ทนายทุกคนทำงานเป็นทีมงานเดียวกัน และสามารถคุยกับผู้ต้องหาได้ทุกคน
การทำงานของทนาย จะไม่มีการแบ่งแยกแล้วว่า ทนาย จะดูแลแค่คนใดคนหนึ่ง แม้ผู้ต้องหาแต่ละคนจะมีทนายความเฉพาะบุคคล โดยภาพรวมทีมทนายความ จะร่วมดูแลคดีทั้งหมด 18 คน ซึ่งรูปแบบการต่อสู้คดีจะเป็นรูปแบบเดียวกัน และทำงานคล่องตัวกันมากขึ้น
โดยการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในวันนี้ (31ต.ค.) นอกจากจะพูดคุยกับ บอสพอล แล้ว ตนจะพูดคุยกับ บอสกันต์และบอสแซม ด้วย ส่วน บอสมีน พีชญาจะเป็นทนายความอีกชุดหนึ่งเป็นคนคุย
ส่วนความคืบหน้าการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ได้รับออเดอร์นั้น นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ทีมที่ดำเนินการฟ้องกลับเพิ่งได้รับหนังสือมอบอำนาจในวันนี้ และเตรียมจะดำเนินการยื่นหนังสือให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ หาก บอสพอลสามารถเซ็นเอกสารที่ตัวเองจำเป็นต้องส่งให้ ดีเอสไอ ทันภายในวันนี้ ก็จะรีบไปยื่น
นอกจากนี้ในช่วงบ่ายจะหารือเกี่ยวกับการนำพยานฝั่งของตนเองในการให้ปากคำ กับ ดีเอสไอ หลังจากที่เมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) ตนได้ประชุมกับบรรดาแม่ทีมฝั่งของตนเองทุกสาย ถึงความพร้อมในการนำพยาน 2,000 กว่าคน ซึ่งจะต้องหารือกับ ดีเอสไอ ว่ามีความพร้อมในการสอบปากคำพยานวันละกี่คน เพื่อจะได้จัดสรรจำนวนพยานในแต่ละวันไปให้สอบปากคำจนกว่าจะครบ
ส่วนจะเป็นการประวิงเวลาคดีหรือไม่ นายวิฑูรย์ ยืนยันไม่เกี่ยวกัน เพราะที่ผ่านมาได้เน้นการสอบปากคำฝั่งผู้เสียหาย หรือผู้กล่าวหาฝ่ายเดียวมากกว่า ส่วนฝั่ง ดิไอคอน กรุ๊ป นั้น สอบปากคำเพียงแค่ผู้ต้องหา 18 ราย ส่วนพนักงานในบริษัท ยังไม่มีการสอบปากคำนักธุรกิจที่ทำธุรกิจบริษัทจริงๆ เลย
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ส่วนตัวก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า การให้ปากคำของพยานฝั่งตนนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันว่าไม่มีการกำหนด Pattern เหมือนฝั่งผู้เสียหาย ส่วน ดีเอสไอ จะสามารถรองรับการสอบปากคำนี้ได้หรือไม่ มองว่า ถ้ารับไม่ได้ก็ต้องรับให้ได้ เพราะต้องให้โอกาสฝั่งตัวเองชี้แจงด้วย
ส่วนกรณีที่มีแม่ข่ายบางคนถอนแจ้งความแล้ว นายวิฑูรย์ มองว่า ตามกฎหมายไม่สามารถทำได้ เพราะตำรวจดำเนินการส่งมอบคดีให้ ดีเอสไอ ไปแล้ว ซึ่งมองว่า การโอนคดีเป็นเพียงการเปลี่ยนหน่วยงานเท่านั้น และถ้ามองว่า ดิไอคอน กรุ๊ป ไม่เข้าคดีแชร์ลูกโซ่ ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะไม่มีข้อหาเพิ่ม แต่ถ้าหากว่าเข้าคดีแชร์ลูกโซ่ ก็พร้อมต่อสู้ โดยโค้ชแล็บและบอส ทุกคนสามารถอธิบายได้ว่า ระบบของบริษัทเป็นอย่างไร สามารถเปิดระบบให้ดูได้
สำหรับกรณีฟอกเงินนั้น เชื่อว่าทาง ดีเอสไอ จะเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องขัง 18 รายเร็ว ๆ นี้ เพื่อให้ผู้ต้องขังถูกคุมขังนานขึ้น เนื่องจากจะเป็นการขยายระยะเวลาการฝากขังเป็น 84 วัน และเมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) มีเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ เข้ามาในเรือนจำจริง แต่เป็นการพูดคุยขอข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายสินบน ไม่ใช่สอบปากคำเข้าสำนวน ซึ่ง บอสพอล ไม่ได้ให้ข้อมูลจ่ายสินบนในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐออกมาแถลง ว่ามีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยเกี่ยวข้องกับ ดิไอคอน กรุ๊ป นายวิฑูรย์ ยืนยันว่า ไม่มี เรื่องดังกล่าวโยนกันไปมา และมีความพยายามที่ทำให้เป็นเรื่องทางการเมือง และเป็นองค์กรอาชญากรรม ซึ่งส่วนตัวนั้นไม่ชอบเลย
นายวิฑูรย์ กล่างถึงประเด็นที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า คลิปเสียงที่นาย ส. นักการเมือง อดีตสมาชิกพรรคดังกล่าวพูดคุยกับ บอสพอล เป็นช่วงที่เสียงที่นาย ส.เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่า ไม่แน่ใจช่วงเวลาที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเป็นหลังการเลือกตั้งปี 2566 ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่า มี บอส ก.ไก่ สนิทสนมกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยนั้น ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มี ใหญ่สุดในบริษัทก็คือ บอสพอล บอส ก.ไก่ ก็มีแต่บอสกันต์ กันตถาวร แค่นั้น
ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินที่ ดีเอสไอ บอกว่า บอสพอล โอนเงินให้แม่ของนักการเมือง ส.เสือ 2.5 ล้านบาทนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบ แต่ที่รับข้อมูลสอบถามทราบว่า เป็นเพียงเงินโอนไปร่วมทำบุญทุกเดือน เพราะทั้งสองฝ่ายรู้จัก และสนิทกัน ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคลิปเสียงที่มีลักษณะคล้ายเป็นการเรียกรับเงินก่อนหน้านี้ ซึ่งหาก ดีเอสไอ สงสัยในเงินจำนวนนี้ก็สามารถมาสอบถามตนเองได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามย้ำอีกว่า มีการโอนเงินให้แม่นักการเมือง ส. ทุกเดือนใช่หรือไม่ ทนายความตอบว่า ไม่ทราบเส้นทางการเงิน เพราะไม่เห็นหลักฐานนี้เช่นเดียวกัน
สำหรับกรณีการที่จะดำเนินคดีเพิ่มเติม กับพยานเท็จ ที่นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งแอดมินสายไหมต้องรอดนำมาแจ้งกับทางตำรวจก่อนหน้านี้นั้น ทนาย กล่าว่า วันนี้จะมีการพูดคุยเรื่องนี้ กับ บอสพอล ด้วย โดยมองว่า จะดำเนินคดีแยก 4-5 กรรม เพราะต้องดูว่า นายเอกภพ ได้พาพยานเท็จคนดังกล่าวไปพบหน่วยงานกี่หน่วยงาน
ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่า นายเอกภพ มอบหมายให้ทนายความบันทึกทุกอย่างที่ นายวิฑูรย์ พูดเอาไว้ เพื่อเตรียมที่จะฟ้องกลับ นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่กังวล เพราะตนพูดในข้อเท็จจริง ถ้านายเอกภพ ยืนยันว่าพยานไม่เท็จ ก็ขอให้ออกมาชี้แจงว่าพยานไม่เท็จอย่างไร เพราะการที่เอาพยานไปพูดต่อสื่อว่า มีการโอนเงินดิจิตอล กว่า 8,000 ล้านบาท ฝ่ายตนเองเสียหายมากกว่า หรือไม่ เพราะต้องเสียเวลาตอบคำถามเจ้าหน้าที่ว่า ได้จ่ายสินบนหรือไม่
รวมถึงการนำพยานของ นายเอกภพ มาพูดเชื่อมโยงกับผู้ใหญ่หลายคน ทำให้จากคดี ดิไอคอน กรุ๊ป เป็นคดีปกติ จะกลายเป็นคดีอิทธิพลใต้ดิน เป็นเหมือนบริษัทแก๊งมาเฟีย ที่จ่ายสินบนให้นักการเมือง
โดยล่าสุดทีมตำรวจสอบสวนกลาง ได้เข้ามาพูดคุยกับตน ว่าจะช่วยถอดคลิปเสียงที่ถูกเรียกรับผลประโยชน์ให้ โดยให้ทนายเป็นผู้จัดกลุ่มไฟล์เสียงส่งให้ ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองแทบไม่ได้นอนเลย เพราะต้องฟังไฟล์เสียงที่มีความยาวหลายชั่วโมง
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตอนนี้ทีมทนายความและผู้ต้องหา มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับเรื่องการต่อสู้คดี มากกว่าการฟ้องกลับ เพราะเนื่องจากเป็นการทำงานแข่งกับเวลา โดยไม่ทราบว่าจะมีการเร่งปิดสำนวนคดีส่งฟ้องต่ออัยการเมื่อไหร่ แต่ทราบว่าเวลางวดเข้ามาแล้ว ส่วยการที่ยังไม่มีการฟ้องกลับในช่วงเวลานี้ ไม่ใช่เป็นการเปิดช่องทางให้มีการเจรจา ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องคดีกับใคร