เปิดปม ตำรวจจ่อขมับจบชีวิต เครียดหนักน้อยใจผู้บังคับบัญชาไม่เข้าข้าง
เปิดปม ตำรวจจ่อขมับจบชีวิต เครียดหนักน้อยใจผู้บังคับบัญชาไม่เข้าข้าง และเพื่อนร่วมงานไม่พูดหาหลังมีประเด็นฉาว
31 ต.ค. 2567 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.ต.วิศาล ศรีแก่นจันทร์ ร้อยเวรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ได้รับแจ้งว่า มีเหตุใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตภายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 3 บ้านดงเจริญ ต.ดงเจริญ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร จึงเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ ตามที่ได้รับแจ้ง พร้อมกับได้ประสานขอเจ้าหน้าที่ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจ และเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ
โดยในที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านกำลังมุงดูร่างของผู้ตาย ญาติร้องไห้เสียใจ ทราบชื่อผู้ตาย คือ จ่าสิบตำรวจอนุพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี เป็นลูกชายของเจ้าของบ้าน และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.ยโสธร โดยที่บริเวณขมับขวามีรอยกระสุนไม่ทราบขนาดเจาะเข้า และทะลุออกฝั่งซ้าย นั่งฟุบจมกองเลือดอยู่ภายในห้องนอน ภายในบ้านพัก
ขณะที่มือขวายังกำอาวุธปืนแบบกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. อยู่ แต่ญาติได้ช่วยกันนำร่างของผู้ตายออกจากที่เกิดเหตุ เพื่อนำส่งโรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว เพื่อชันสูตรตามขั้นตอนแล้ว จึงนำศพกลับมาจัดเตรียมประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านพัก ส่วนห้องนอนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันพื้นที่เอาไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจที่เกิดเหตุพร้อมกับเก็บหลักฐาน และหัวกระสุนในที่เกิดเหตุต่อไป
ส่วนสาเหตุการก่อเหตุ ยิงตัวเองตายในครั้งนี้ ญาติยืนยันว่าผู้ตายเกิดความเครียดหนัก จากการปฏิบัติหน้าที่ แล้วถูกตำรวจด้วยกันหักหลังวางแผนให้ตกเป็นการเรียกรับเงิน และกรรโชกทรัพย์จนถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิ และยังน้อยใจที่เพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชาไม่เข้าข้าง มองว่าถูกปล่อยทิ้งกลางทาง
นางอรอนงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี น้าของผู้ตาย เล่าว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการว่าจ้างหมอลำมาทำการแสดงภายในงานกฐิน ของ สส. ซึ่งแสดงภายในหมู่บ้านของตน และผู้ตายก็ไปร่วมชมหมอลำด้วย จนกระทั่งเกือบสว่างหมอลำกำลังจะเลิกผู้ตายได้เดินไปทักทายเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน แต่ในระหว่างนั้นได้โอบกอดไปที่เอวของเพื่อนบ้าน และพบว่ามีการพกอาวุธปืนมาด้วย จึงมีการต่อว่าพกปืนมาได้อย่างไร ผู้ตายจึงตรวจยึดอาวุธปืนมาถือไว้
และในระหว่างนั้นได้มีตำรวจอีกนายสังกัด สภ.เมืองยโสธร ที่ไปร่วมชมหมอลำด้วยเข้ามาขัดขวาง พร้อมกับอ้างว่าเป็นอาวุธปืนของตน ที่ให้เพื่อนบ้านซึ่งเป็นคนรู้จักกัน พกติดตัวไว้เฉยๆ จนเกิดการโต้เถียงกัน แล้วตำรวจนายนั้นได้ใช้มือจับคอผู้ตายกดลงกับพื้น แต่ลูกชายของตนที่ไปชมหมอลำเห็นเหตุการณ์ จึงเข้าไปขวางไว้เพราะเห็นว่าเป็นญาติกัน จนถูกฝั่งตรงข้ามทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ
จากนั้นก็แยกย้ายกันไป โดยผู้ตายได้ตรวจยึดอาวุธปืนกลับไปด้วย จากนั้นผู้ตายได้ไปปรึกษากับผู้บังคับบัญชาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อ เพราะเห็นว่าเป็นปืนของตำรวจด้วยกันเองผู้บังคับบัญชาจึงแนะนำให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เพื่อเป็นหลักฐาน
ผู้ตายจึงไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.คำเขื่อนแก้ว และตนก็พาลูกชายเข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ด้วยว่าถูกทำร้ายร่างกาย วันต่อมาฝ่ายตรงข้ามจึงติดต่อมาขอเจรจา เพื่อขอให้ถอนแจ้งความ ทั้งเรื่องทำร้ายร่างกายและอาวุธปืน จนต่อมาผู้ตายถูกผู้บังคับบัญชาเรียกเข้าไปพบ และขอให้ไปเคลียร์กับฝ่ายตรงข้ามให้จบ แต่ด้วยดี ไม่อยากให้มีปัญหากัน
โดยถ้าจะเรียกค่าเสียหายก็ให้ไปคุยกันเอาเอง ผู้ตายจึงไปเรียนเพื่อนบ้านและตำรวจคู่กรณีมาเจรจากันที่บ้านพักของผู้ตาย และมีการเจรจาตกลงเรียกค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 3 แสนบาท โดยฝ่ายตรงข้ามก็ตกลงยินยอม แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินกันแต่อย่างใด แต่ในระหว่างการเจรจาฝ่ายตรงข้ามได้มีการแอบบันทึกเสียงการเจรจาเอาไว้ และได้นำเอาบันทึกเสียงนั้นไปฟ้องผู้บังคับบัญชาว่า ผู้ตายเรียกรับเงิน และมีการกรรโชกทรัพย์ตามคลิปเสียงดังกล่าว จนผู้ตายถูกผู้บังคับบัญชาเรียกเข้าไปตำหนิ
พร้อมบอกจะไม่ให้การช่วยเหลืออีกต่อไป และหลังเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาผู้บังคับบัญชาก็ไม่จ่ายงานให้ทำ เพื่อนร่วมงานก็ไม่พูดคุยด้วย จนทำให้ผู้ตายเกิดความเครียดและน้อยใจ ไม่อยากจะอยู่ต่อและโทรศัพท์มาเล่าระบายให้ตนฟังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตนก็ได้พยายามให้กำลังใจและบอกไม่ต้องไปคิดมากเดี๋ยวจะพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ให้
โดยผู้ตายเกรงว่าเรื่องจะไม่จบง่ายๆ จนนำไปสู่การสอบวินัย และให้ออกจากราชการจึงตัดสินใจยิงตัวเองตายดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้นำเงินเดือนของตน ไปแจกจ่ายให้กับญาติพี่น้องคนละ 1,000 บาท และเมื่อคืนยังนั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกัน ก่อนขอตัวเข้านอนเวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษๆ
จนกระทั่งเช้าเวลาประมาณ 05.00 น. น้องสาวและแม่ของผู้ตายที่พักอยู่บ้านหลังเดียวกันได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด มาจากห้องนอนของผู้ตาย จึงพยายามเปิดประตูเข้าไปแต่ประตูถูกล็อกจากทางด้านใน จึงไปหากุญแจสำรองมาเปิดก็พบว่าผู้ตายนั่งฟุบ จมกองเลือดอยู่บริเวณเตียงนอน โดยที่มือขวายังกำอาวุธปืนเอาไว้อยู่