ข่าว

งามหน้า! 9 ตำรวจไซเบอร์ ใช้หมายค้นปลอม บุกรีดเงินเหยื่อชาววานูอาตู 300 ล้าน

งามหน้า! 9 ตำรวจไซเบอร์ ใช้หมายค้นปลอม บุกรีดเงินเหยื่อชาววานูอาตู 300 ล้าน

31 ต.ค. 2567

งามไส้! 9 ตำรวจไซเบอร์ นำโดย พ.ต.ท. ร่วมมือกับล่าม จัดฉากเข้าค้นบ้านเหยื่อชาววานูอาตู รีดเงิน 300 ล้าน อ้างเป็นขบวนการปลอมพาสปอร์ต

31 ต.ค. 2567 ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง จับกุมผู้ต้องหา 7 ราย เป็นตำรวจไซเบอร์ 6 นาย สังกัด บก.สอท.1 และพลเรือน  1 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ท.ชนะชัย อายุ 41 ปี ร.ต.อ.อำนวย อายุ 42 ปี ด.ต.ชยพล อายุ 43 ปี ด.ต.พรเทพ อายุ 46 ปี ด.ต.มนัสวี อายุ 41 ปี ด.ต.สยาม อายุ 49 ปี และนายธวุท  อายุ 43 ปี เบื้องต้นแจ้งข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ , เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ

 

หลังจาก นายไซ ชาววานูอาตู พร้อมภรรยา และเพื่อนผู้เสียหายคนจีน และแม่บ้านรวม 5 คน เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.ชัยรัตน์ ธรรมสีเทา สว.(สอบสวน) สน.บางซื่อ ปฏิบัติราชการ สน.ทุ่งสองห้อง ว่า ขณะพักอาศัยอยู่บ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีกลุ่มชายฉกรรจ์แจ้งว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงเอกสารอ้างว่าเป็นหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ขอเข้าค้นบ้าน ซึ่งผู้เสียหายและบุคคลภายในบ้านไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาไทย เห็นแต่เอกสารดังกล่าวมีตราครุฑ จึงเชื่อว่าเป็นเอกสารของราชการจริงและยินยอมให้เข้าค้นบ้านพักอาศัยหลังดังกล่าว

ผู้ต้องหาได้อ่านหมายและให้ล่ามแปลภาษา ซึ่งเป็นหญิงคนไทยแปลภาษาสื่อสารกับผู้เสียหาย  โดยในการเข้าตรวจค้น ผู้ต้องหากับพวก ได้ใช้โทรศัพท์มือถือ เปิดพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด โดยอ้างว่ามีผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์ จำนวน 4 ราย โดย 1 ใน 4 รายนั้น ให้การซัดทอดว่า นายไซ หรือ  MR.SAI มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมหนังสือเดินทาง ซึ่งถูกจับและถูกดำเนินคดีต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ไปแล้ว โดยนายไซ ให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยมีความเกี่ยวข้อง ในการเข้าค้นครั้งนี้ ผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีจำนวน 8 นาย และมีล่ามแปลภาษาจีน ชื่อเล่นว่าทราย กับ นายหยุน ต้าเหลียง หรือ MR.YUN DALIANG สามีชาวจีนของล่าม รวมเป็น 10 คน

 

จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหา ได้ทำการยึดโทรศัพท์มือถือ ของทุกคนในบ้าน และเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง  เพื่อไปตรวจสอบ

 

ต่อมาหัวหน้าชุดจับกุมได้แจ้งกับนายไซ ว่า การจ้างแม่บ้าน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ อยู่ในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น อาจต้องถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอีกกระทง 1 ด้วย ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว เพราะไม่ทราบข้อกฎหมายของไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังทำการข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย โดยได้ให้ น.ส.ทราย สื่อสารเรียกรับเงิน 300 ล้านบาท หรือ เงินสกุลดิจิทัล จำนวน 10 ล้าน USDT (1USDT เท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 33 บาท) เพื่อแลกกับการจบคดีและไม่ถูกดำเนินคดี

งามหน้า! 9 ตำรวจไซเบอร์ ใช้หมายค้นปลอม บุกรีดเงินเหยื่อชาววานูอาตู 300 ล้าน

แต่นายไซ แจ้งว่าไม่มีเงินสกุลไทยมากขนาดนั้น และไม่มีความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่ชุดจับกุมกล่าวอ้าง จึงไม่ตกลงด้วย ชุดจับกุมดังกล่าวจึงควบคุมตัว นายไซ พร้อมภรรยา เพื่อนชาวจีน และแม่บ้าน ขึ้นรถเดินทางมาที่ศูนย์ราชการ อาคารบี โดยระหว่างที่มาถึงได้ทำการพูดคุยเจรจากันอีกครั้ง เปลี่ยนแปลงยอดเงินเป็น 10 ล้านบาท แต่นายไซ ไม่ได้ตกลง จนเวลาประมาณ 17.00 น. จึงควบคุมตัวนายไซ และภรรยา ไปยัง กก.1 บก.สอท.1 ห้ามไม่ให้เพื่อนชาวจีน และแม่บ้าน เข้าไปมีเพียงนายไซ และภรรยาที่ถูกสอบปากคำ

 

ระหว่างที่สอบปากคำมีกลุ่มผู้ต้องหาอยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมด พร้อมกับ น.ส.ทราย และ นายหยุน ต้าเหลียง โดยได้มีการพูดคุยระหว่างเจ้าหน้าที่ เพื่อต่อรองเรียกเงินกับนายไซ จนท้ายที่สุดนายไซได้ยอมโอนเงิน 5 ล้านบาท แต่นายไซ ไม่มีเงินสกุลไทยเพียงพอ จึงโอนเงินสกุลดิจิทัล เข้ากระเป๋าดิจิทัลวอลเล็ต ของ น.ส.ทราย ครั้งที่ 1 จำนวน 9,253 UDST ครั้งที่ 2 จำนวน 140,000 UDST โดยกระเป๋าเงินปลายทางที่โอนไปนี้ ได้อยู่ในโทรศัพท์มือถือของ น.ส.ทราย เมื่อได้รับเงินครบถ้วนแล้ว กลุ่มผู้ต้องหาได้จัดทำเอกสาร และให้ผู้ถูกควบคุมทั้ง 4 คน มาถ่ายคลิปวิดีโอ ประกอบการ ทำสำนวนแจ้งว่า ตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำความผิดใดๆ พร้อมทั้งคืนโทรศัพท์มือถือให้แก่ผู้ถูกควบคุมทั้ง 4 คน แต่ไม่ได้คืนคอมพิวเตอร์ให้แก่นายไซ

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2567 เวลาประมาณ 13.00 น. น.ส.ทราย ได้ประสานกับเพื่อนชาวจีนของผู้เสียหาย โดยสนทนาผ่านเทเลแกรมของนายไซ ซึ่งขณะนั้นมือถืออยู่ที่เพื่อนชาวจีน ว่าหากต้องการทราบว่าผู้ใดเป็นผู้แจ้งให้ชุดจับกุมไปจับตัว ให้นายไซโอนเงินเพิ่มเติมอีก 700,000 บาท นายไซ จึงโอนเงินเงินดิจิทัล เข้ากระเป๋า น.ส.ทราย จำนวน 20,895 UDST ภายหลังไม่สามารถติดต่อจาก น.ส.ทราย ได้อีกเลย

 

ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายความ เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สอท.1 เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเข้าค้นและควบคุมตัวผู้เสียหาย และได้ทราบว่าบุคคลที่มีรายชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กก.1บก.สอท.1 จึงมาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดให้ได้รับโทษตามกฎหมาย

ประชุมวางแผนจับกุม

ต่อมา พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รรท.ผบช.สอท ทราบเรื่องได้ประสานข้อมูลกับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เร่งคลี่คลายข้อเท็จจริง พร้อมกับตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ มีข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ก่อนนำตัวผู้ถูกกล่าวหาเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนเพื่อสอบปากคำ โดยในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวน ได้สอบสวนผู้กล่าวหา และสอบสวนพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท. จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหา และ อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป

 

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบ ปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานของทางชุดสืบสวนตำรวจนครบาลและตำรวจไซเบอร์ ทำให้ทราบว่า คดีนี้มีผู้ก่อเหตุ 12 คน ประกอบด้วย

 

ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม 7 คน  1. พ.ต.ท.ชนะชัย  2. ร.ต.อ.อำนวย  3. ด.ต.ชยพล 4. ด.ต.พรเทพ 5. ด.ต.มนัสวี 6. ด.ต.สยาม 7. นายธวุท

 

มอบตัว 3 คน คือ ร.ต.อ.ธนกฤต  , ด.ต.สุพรรณ , จ.ส.ต.กิตติภูมิ เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2567

 

หลบหนี 2 คน คือ น.ส.อภัสรา หรือ ทราย และ นายหยุน ต้าเหลียง  

 

เบื้องต้น ร.ต.อ.ธนกฤต , ด.ต.สุพรรณ และ จ.ส.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ ได้เข้ามอบตัว กับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัวน.ส.ทราย และ นายหยุน ต้าเหลียง  มาดำเนินคดีต่อไป