ข่าว

ขีดเส้น 30 วัน! ผบก.ตอท. จ่อ ฟันวินัย-อาญา 3 ตร. อุ้มต่างชาติ รีด 300 ล้าน

ขีดเส้น 30 วัน! ผบก.ตอท. จ่อ ฟันวินัย-อาญา 3 ตร. อุ้มต่างชาติ รีด 300 ล้าน

01 พ.ย. 2567

ผู้การตำรวจไซเบอร์ 1 บช.สอท.ลั่นฟันวินัย-อาญา ตำรวจไซเบอร์ 3 นาย ร่วมก๊วนตำรวจอุ้มรีดชาวจีน 300 ล้านพร้อมตั้ง กก. สอบข้อเท็จจริงใน 30 วัน

ความคืบหน้ากรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรีดทรัพย์ชาวจีนกว่า 300 ล้านบาท พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยทางโทรศัพท์ ยืนยันว่า การเข้าไปตรวจค้นมีการนำหมายศาลเข้าไปอย่างถูกต้องโดยมีตำรวจกว่า 10 นาย ในจำนวนนี้เป็นตำรวจไซเบอร์ 3 นาย ทันทีที่ทราบเรื่อง ต้นสังกัดได้ดำเนินการตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทันทีตั้งแต่วันที่ 17 -18 ต.ค. แล้ว


 
ส่วนข้อมูลและพฤติการณ์การกระทำความผิดทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการประสานข้อมูลและส่งให้ทางตำรวจนครบาล ยืนยันว่า การเข้าไปตรวจค้นมีหมายศาลถูกต้อง ส่วนปฎิบัติเป็นไปตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย หรือไม่ มีการถ่ายวิดิโอครบถ้วนหรือไม่ และตอนที่นำตัวมาที่ สอท.1 ดำเนินการตามขั้นตอนถูกหรือไม่ มีการรีดทรัพย์จริงหรือไม่ หากพบกระทำความผิดจริงและหลักฐานไปถึงใครดำเนินคดีไม่มีข้อยกเว้นแน่นอน เพราะการกระทำดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว สืบเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 10 นาย จากหลายหน่วยงานและพลเรือน นำหมายค้นเข้าไปตรวจค้นที่บ้านพักย่านอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ของนายไซ สัญชาติวานูอาตู เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 67 

 

จากนั้นมีการรีดเงินเป็นเงินสกุลดิจิตอล USDT  จำนวน 10 ล้านเหรียญ หรือเงินไทยประมาณ 300 ล้านบาท โดยผู้ตรวจค้นอ้างกับ นายไซ ผู้เสียหายว่า ผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์ ระบุว่า นายไซ มีส่วนกระทำความผิดกฎหมายและคนใช้ของนายไซเป็นชาวต่างชาติไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงต้องนำตัวไปสืบสวนขยายผล โดยการตรวจค้นดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 ต.ค. มีล่ามชาวจีนสองคนเป็นสามีภรรยา ช่วยแปลหมายค้นให้ฟัง เนื่องจากทางผู้เสียหายอ่านภาษาไทยไม่ออก ก่อนจะนำตัวนายไซ ขึ้นรถตู้จากจังหวัดสมุทรปราการ และขับรถวนมาที่ตำรวจไซเบอร์ 1 โดยนำตัวไปบันทึกการจับกุม ทราบว่ามีการรีดเงินจำนวน 5 ล้านบาท ก่อนนำตัวไปที่ตำรวจไซเบอร์ 1

ต่อมา 17 ต.ค. ทางผู้เสียหายเกิดความสงสัยและความแค้นที่ถูกรีดเงิน จึงปรึกษาทนายว่ามีเรื่องอะไรที่ตำรวจมาตรวจค้นและสงสัยว่า ล่ามที่มาช่วยแปลภาษามีส่วนรู้เห็น จึงให้ทนายประสานไปยังล่ามที่เป็นสามีภรรยาให้บอกรายชื่อตำรวจที่ไปรีดไถ่ แต่กลับถูกล่ามรีดเงินเพิ่มอีก 7 แสนบาท แลกกับการบอกรายชื่อตำรวจชุดที่ไปจับกุม

 

จนกระทั่งวันที่ 18 ต.ค. นายไซ เข้าไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง ระหว่างนั้นทางตํารวจไซเบอร์ 1 มีการปิดข่าว

 

ต่อมาวันที่ 28 ต.ค. ตำรวจไซเบอร์ที่ถูกพาดพิง 3 นาย ได้เข้าไปมอบตัวกับ สน.ทุ่งสองห้อง จากนั้นทาง บก.สอท 1 มีคำสั่งให้ไป ศปก.บก.สอท.1 ต่อมาเมื่อมีข่าวเผยแพร่ออกไป จึงเปลี่ยนคำสั่งให้ไปที่ ศปก.บช.สอท จนถึงปัจจุปัน

 

ในเรื่องนี้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ออกคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบให้ พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 เป็นประธานกรรมการ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 30 วัน 

 

สําหรับตำรวจไซเบอร์ 3 นาย ถูกออกหมายจับ ประกอบด้วย ร.ต.อ.ธนกฤต กาญจนมาศ รองสว.กก.1บก.สอท.1, ด.ต.สุพรรณ ของใส ,จ.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ ผบ.หมู่กก.1บก.สอท.1 ถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.บก.สอท1. ก่อนจะมีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ ศปก.บช.สอท. โดยให้ขาดจากตำแหน่ง  นอกจากนี้ยังมีตำรวจอีก 6 นายที่ถูกอออกมายจับ พร้อมกับพลเรือนอีก 3 คน รวมทั้งหมด 12 คน ขณะนี้สามารถจับกุมตํารวจแล้ว 9 นาย และพลเรือน 1 คน ในความผิดฐาน “เรียกรับผลประโยชน์ , ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์ ,  ม.157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และร่วมกรรโชกทรัพย์” ส่วนล่ามสองสามีภรรยาอยู่ระหว่างหลบหนี คือ นายหยุน และ นางสาวอภัสรา