ผู้การฯไซเบอร์ 1 สั่งฟันนิ้วร้ายในสังกัด เอี่ยวรีดทรัพย์ชาวจีน 300 ล้าน
ผู้การฯไซเบอร์ 1 ไม่ปกป้องลูกน้องรีดทรัพย์ชาวจีน 300 ล้าน ลั่นนิ้วไหนร้าย ต้องตัดทิ้ง จ่อสอบวินัยผู้บังคับบัญชา ฐานปล่อยปละละละเลย
ความคืบหน้ากรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ 3 นาย ร่วมกับตำรวจอีก 6 นายและพลเรือน 3 คน เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรีดทรัพย์ชาววานูอาตู กว่า 300 ล้านบาท
1 พ.ย. 2567 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) เปิดเผยว่า ทันทีที่ทราบเรื่องต้นสังกัดได้ดำเนินการตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา รวมถึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยัน "นิ้วไหนร้าย ก็ต้องตัดทิ้ง"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังเหลือนิ้วให้ตัดอีกหรือไม่ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ หัวเราะก่อนตอบว่า "จะดําเนินคดีทั้งอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด"
นอกจากนี้จะมีการดําเนินการกับผู้บังคับบัญชาการของตํารวจไซเบอร์ทั้ง 3 นาย หากพบ ปล่อยปะละเลย ก็จะต้องได้รับโทษทางวินัยฐานกํากับดูแลไม่เรียบร้อย
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ยอมรับ ตํารวจทั้ง 9 นาย เคยอยู่สังกัดตํารวจไซเบอร์ ก่อนจะถูกโยกย้ายไปประจําหน่วยต่างๆ ส่วน 3 นายที่ยังอยู่ในสังกัดตํารวจไซเบอร์ ปัจจุบันเคยมีพฤติการณ์ก่อเหตุในพื้นที่ อ.ลําลูกกา จ.ปทุมธานี นั้น ตนไม่ทราบว่ามีประวัติดังกล่าว แต่ยืนยันว่า ที่ผ่านมาดําเนินการกวดขันเข็มงวด
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ต่อมาวันที่ 22 ต.ค. นายไซ เข้าไปแจ้งความกับตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง จนกระทั่งต่อมาวันที่ 28 ต.ค. ทางตำรวจไซเบอร์ที่ถูกพาดพิง 3 นาย ได้เข้าไปมอบตัวกับ สน.ทุ่งสองห้อง จากนั้นทาง บก.สอท 1 มีคำสั่งให้ไป ศปก.บก.สอท.1 เมื่อมีข่าวเผยแพร่ออกไป จึงเปลี่ยนคำสั่งให้ไปที่ ศปก.บช.สอท จนถึงปัจจุปัน
ส่วนที่มีกระแสข่าว 3 ตํารวจไซเบอร์เป็นลูกน้องเก่าของนายพลตํารวจระดับสูง ภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ระบุว่า ตนไม่ทราบ
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้าที่จะเป็นข่าวใหญ่กลุ่มตํารวจที่ก่อเหตุพยายามจะขอเจรจากับผู้เสียหายคืนเงิน เพื่อยุติเรื่อง แต่หนึ่งในกลุ่มตํารวจได้ทักท้วงว่าหากคืนเงินจะทําให้เป็นหลักฐานหรือเท่ากับยอมรับว่ากระทําผิดจริง จึงตัดสินใจที่จะเงียบ กระทั่งมีการออกหมายจับและเป็นข่าวในที่สุด