ข่าว

ไขเงื่อนงำ ปมเงิน 39 ล้านบาท ของ “เจ๊อ้อย” ไปอยู่ที่ใคร?

ไขเงื่อนงำ ปมเงิน 39 ล้านบาท ของ “เจ๊อ้อย” ไปอยู่ที่ใคร?

04 พ.ย. 2567

ไขเงื่อนงำ ปมเงิน 39 ล้านบาท ของ "เจ๊อ้อย เศรษฐินี" ไปอยู่ที่ใคร ถูกหลอกในหลอกจริงไหม กับ สารพัดปม จากเงิน 71 ล้าน ซื้อรถเบนซ์ ออกแบบโรงแรม ออกแบบบ้าน

จากปมเงิน 71 ล้านบาท ที่ เจ๊อ้อย จตุพร อุบลเลิศ หรือ มาดามอ้อย เศรษฐินี แจ้งความดำเนินคดี ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ฐานฉ้อโกง โดยเจ๊อ้อย แจ้งวัตถุประสงค์ว่า ให้ ทนายตั้ม นำไปลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์

 

แต่ ทนายตั้ม บอกว่า เจ๊อ้อย เศรษฐินี ให้เงิน 71 ล้านบาท โดยเสน่หา!!

 

รวมทั้ง ในขณะที่พนักงานสอบสวน กองบังคับคับการปราบปราม (บก.ป.) กำลังรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำ เจ๊อ้อย อยู่นั้น

 

ก็มีเรื่อง รถเบนซ์ จี  - 400 ที่ เจ๊อ้อย ฝากให้ ทนายตั้ม ซื้อให้ โดยทนายตั้ม เบิกเงินจาก น้อย (เลขาเจ๊อ้อย) ไป 13 ล้านบาท แต่เจ๊อ้อย สงสัยว่า ราคาไม่ถึง 13 ล้านบาท อาจมีส่วนต่างถึง 5 ล้านบาท

 

รวมถึงถูกตุ๋น ค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท และค่าออกแบบบ้านสามี เจ๊อ้อย อีก 3 ล้านบาท

และในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็มีข้อมูลใหม่ เปิดออกมาว่า ทนายคนดัง เคยขอให้เจ๊อ้อย ช่วยใช้หนี้ให้กับคนสนิท จำนวน 39 ล้านบาท และด้วยความเชื่อใจ เจ๊อ้อย ยอมให้เงินก้อนนี้แต่โดยดี โดย เจ๊อ้อย มาเอะใจ สงสัยในภายหลังว่า ตัวเองอาจถูกหลอก !!

 

หนี้ 39 ล้านบาท เกิดขึ้นได้ยังไง ทำไม เจ๊อ้อย เศรษฐินี คนนี้ ถึงยอมให้ง่ายๆ เพราะไม่ใช่แค่ บาท สองบาท และข้อเท็จจริง เงินจำนวนนี้ไปอยู่ที่ใคร ?

 

มีข้อมูลว่า ตำรวจกองปราบ กำลังแกะรอย สืบสวนเรื่องนี้ด้วย

 

โดยเมื่อ วันที่ 2 พ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าพบกับ น.ส.สาริณี ข้าราชการ อบต.แห่งหนึ่งใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อสอบถามหาความเชื่อมโยง เบื้องต้นพบว่าแค่ชื่อกับนามสกุลพ้องกับเป้าหมายเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่ติดใจ

 

โดย น.ส.สาริณี สาว อบต. รายนี้ ไม่รู้เรื่องเงิน 39 ล้านบาท และไม่เคยรู้จักกับ เจ๊อ้อย จตุพร มาก่อน 

 

รวมทั้ง ไม่มีพฤติกรรม ใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือย ซึ่งตำรวจเชื่อว่า ไม่ใช่คนเดียวกับเป้าหมาย

 

ต่อมา ชุดสืบสวน กองปราบปราม แกะรอยจนทราบตัวละครทั้งหมด ที่เกี่ยวกับเงิน 39 ล้านบาท เจ๊อ้อย ทนายคนดัง น.ส.สา และ นายนุ สามีของ น.ส.สา

 

เจ๊อ้อย

 

ที่มาที่ไป ของปมเงิน 39 ล้านบาท มาจาก เจ๊อ้อย ต้องการจ้างนักร้องชื่อดังชาวจีน เฉินคุน มาแสดง และทนายคนดัง รับอาสาดำเนินการให้

 

จากนั้น ทนายคนดัง อ้างว่าให้คนสนิท คือ สองสามีภรรยา ชื่อ น.ส.สา และ นายนุ โอนบิตคอยน์ มูลค่า 39 ล้านบาท จ่ายเป็นค่าตัว เนื่องจากนักร้องดังคนนี้รับเฉพาะบิตคอยน์

 

ต่อมา ทนายคนดัง อ้างว่า หลังโอนจำนวน 39 ล้านบาท ไปแล้ว โดนแก๊งหลอกลวงทางออนไลน์ หลอกเอาบิตคอยน์ไป

 

ทนายคนดัง จึงพา น.ส.สา และ นายนุ มาหา เจ๊อ้อย ให้ช่วยโอนเงินคืนให้หน่อย จากนั้น เจ๊อ้อย จึงเขียนเช็คให้ 39 ล้านบาท

 

โดย พบว่า น.ส.สา และ นายนุ  มีความเชี่ยวชาญเรื่องคริปโต และเงิน 39 ล้านบาท ที่โอนไปบัญชีปลายทางเป็นของ น.ส.สา

 

ทนายคนดัง ที่ทำตัวประหนึ่งเป็นคนกลาง เอ่ยปากขอให้ช่วยเหลือ น.ส.สา กับ นายนุ ในวันที่ยังเป็นทนายน้องรัก ทำให้ เจ๊อ้อย เชื่อใจยอมให้เงินจำนวน 39 ล้านบาทไป

 

โดย นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของเจ๊อ้อย ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2567 ยืนยันว่า เจ๊อ้อย กับ น.ส.สา และนายนุ รู้จักกันก่อนเกิดเหตุ เพราะทั้งคู่เคยไปหา เจ๊อ้อย ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยรู้จักกันผ่านการแนะนำของทนายคนดัง ส่วนตัวเลขเงิน 39 ล้านบาท ยอมรับว่าเป็นเงินที่ได้ให้กับบุคคลอักษรย่อ ส.จริง

 

จากเงินค่าลงทุนแฟลตฟอร์มหวยออนไลน์ 71 ล้านบาท ปมซื้อรถเบนซ์ จี  - 400 ราคา 13 ล้านบาท ค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท ค่าออกแบบบ้านสามีเจ๊อ้อย 3 ล้านบาท

 

รวมถึง เงินช่วยเหลือสองสามีภรรยา ที่ทนายคนดังอ้างว่าทั้งคู่ถูกหลอกออนไลน์ไป 39 ล้านบาท

 

เหล่านี้ หากพยานหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นการหลอกลวงจริง จะทำให้เข้าข่าย ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ คือ การกระทำซ้ำๆกันมากกว่า 1 ครั้ง กระทำผิดเป็นสันดาน มีลักษณะที่จะกระทำเช่นนั้นต่อๆไป ตามมาตรา 3 (18) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

 

ส่งผลให้ พนักงานสอบสวนสามารถ ออกหมายจับได้ทันที ไม่ต้องมีหมายเรียก และ ปปง.สามารถเข้ามาอายัดทรัพย์สิน ตรวจสอบทรัพย์สินได้

 

จากข้อกล่าวหาทั้งหมดต้องจับตาว่า ทนายตั้ม จะหยิบยกพยานหลักฐานอะไร ขึ้นมามาแก้ต่าง และมีน้ำหนักให้รับฟังได้หรือไม่ ต้องติดตาม!