แม่ร้องเรื่องไม่คืบ มาเซราติ ชน หนุ่มเทคนิค ดับ 1 เจ็บ 1 สงสัย ตำรวจทำอะไรอยู่
ผ่านมาเกือบเดือน คดีไม่กระดิก "มาเซราติ" ต่างชาติ ไม่มีทะเบียน ชน หนุ่มเทคนิคดับ 1 เจ็บสาหัส 1 ราย เชื่อมีเงื่อนงำ
5 พ.ย. 2567 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมเวลา 19.00 น. มีอุบัติเหตุ ชาวรัสเซีย ขับรถหรูเซติสีคำ ชนหนุ่มเทคนิคบ้านอำเภอเสียชีวิตคาที่หนึ่งราย บาดเจ็บสาหัสหนึ่งราย ที่บริเวณโครงการป่าสิริเจริญวรรษ ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
นางสาวกนกวรรณ (สงวนนามสกุล) หรือฟ้า น้าของผู้เสียชีวิต เล่าว่าหลานชายของตน และเพื่อนถูกรถมาเซราติสีดำชนจนหลานชายของตนนั้นเสียชีวิตคาที่ และเพื่อนของหลานชายบาดเจ็บสาหัสต้องเข้าไอซียูนานถึงสองอาทิตย์ ทางฝั่งของชาวรัสเซียบอกว่าหลานของตนนั้นย้อนศรมาชนเขา ซึ่งตนดูจากร่องรอยและสอบถามพยานแวดล้อมแล้วก่อนเกิดเหตุ หลานชายของตนซึ่งขี่จักรยานยนต์ขับบนทางของจักรยานอยู่ในฝั่งเลนของตัวเองกำลังมุ่งหน้าไปเส้นถนนสาย331 เพื่อกลับบ้านที่บ้านฉาง จ.ระยอง
ขณะนั้นรถมาเซราติขับสวนทางจังหวะขึ้นเนินและเป็นทางโค้งชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่สวนป่าตรงนั้นเขาบอกว่าได้ยินเสียงตูมระเบิดก่อนหนึ่งครั้ง และครั้งที่สองตูมอีก จากนั้นก็ชนกับรถจักรยานยนต์ของหลานชาย ซึ่งชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่ายางของรถระเบิดจนทำให้ล้อแม็กขูดกับขอบถนน ครั้งที่สองที่ยินเสียงคือชนกับเด็กเทคนิคแล้ว
ตนพยามจะอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้ตำรวจฟัง แต่เจ้าที่ตำรวจไม่ฟังตน หรือไม่รับเหตุผลของตนไปพิจารณาเลย บอกแต่ว่าหลานของตนย้อนศรไปชนเขา ซึ่งจากรอยครูดของถนน และล้อรถมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขากินเลนถนนเข้ามา ซึ่งตนก็ได้ขับรถดูอีกครั้งในช่วงกลางวันของร่องรอยการเกิดอุบัติเหตุแล้ว จากร่องรอยนั้นมันเป็นไปได้ยากที่หลานชายของตนจะข้ามเลนมาชนของเขา และหลักฐานต่างๆ ตนก็ให้ทางทนายความทำหนังสือไปขอดูตามกล้องวงจรในละแวกนั้น ก็จะเห็นว่าหลานของตนนั้นไม่ได้ขับมาเร็วแต่อย่างไร แต่วงจรตรงที่ใกล้กับอุบัติเหตุนั้นเสียทำให้ไม่สามารถจับเหตุการณ์อะไรได้เลย
แต่ตนก็ยังสงสัยว่าทางฝั่งรัสเซียขับรถชนเสียชีวิตคาที่ทำไมถึงยังไม่ตั้งข้อกล่าวหาอะไรเลยซักอย่าง หรืออายัดตัวก่อนจะให้ประกันตัวหรือไม่ให้ก็ว่ากันไป ทำไมปล่อยตัวไปดื้อดื้อ ขนาดเป็นคนไทยไม่พกใบขับขี่หรือไม่มีเอกสารยืนยันว่ามีใบขับขี่ยังถูกตำรวจจับปรับเลย
ขณะที่เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจดูรถมาเซราตินั้นข้างหน้ารถดูเหมือนจะเป็นกล้องติดรถแต่ถ้าตำรวจบอกไม่ใช่ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะลักษณะมันคล้ายกล้องมากๆ พอออกจากรถมาได้ก็อุทานถอนหายใจว่าร้อนมาก ซึ่งตอนมองว่าเขาไม่ได้อำนวยความสะดวกให้กับตน ซึ่งเป็นฝ่ายสูญเสียเลย หากเค้าจะคิดว่าฝั่งของหลานตนผิดก็ให้ปรับไปตามกฏหมาย แต่ก็อยากทำให้ทุกอย่างตรงไปตรงมาให้พวกตนนั้นเกิดความกระจ่างไม่ต้องมีข้อสงสัยใดใด
นางดกษทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี แม่ของน้องไกด์ซ้อนท้าย และได้รับบาดเจ็บสาหัส เล่าว่า ตนนั้นติดใจการทำงานของเจ้าที่ตำรวจวันแรกที่เกิดอุบัติเหตุตนถามหาถึงพรบของรถคู่กรณี เขาบอกว่ามีครบแต่เอกสารติดอยู่ในเก๊ะเปิดไม่ได้ และวันต่อมาก็อ้างว่าเอกสารมี เพื่อนหยิบออกไปจากรถจึงยังไม่สามารถเอามายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ที่ตนถามหานั้นเพราะต้องการจะใช้พรบ.ของทางฝั่งรถหรูเนื่องจาก ลูกชายตนนั้นบาดเจ็บสาหัสสมองบวม และสะโพกหักทั้งสองข้าง ตนอยากให้ลูกของตนนั้นเข้ารับการรักษาที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่เห็นเอาเอกสารมาใดใดมาให้ ตนก็ใช้แต่พรบ.ของรถจักรยานยนต์ของเพื่อนลูกชายและใช้สิทธิ์ 30 บาท
ตนนั้นแปลกใจมากเพราะรถหรูไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เอกสารรถก็ไม่มี ใบขับขี่สากลของชาวรัฐเซียก็ไม่มี ทำไมตำรวจถึงปล่อยตัวเขาได้ ยึดไว้แค่พาสปอร์ตเพียงเท่านั้น ลูกชายตนนอนอยู่ไอซียูถึงสองอาทิตย์ หลังจากออกจากไอซียูแล้วทางฝั่งชาวรัสเซียซึ่งเป็นคนไทยได้มาหาตนที่โรงพยาบาล พอตนถามหาเอกกสารต่างๆเขาก็พูด แต่เพียงว่าไม่ต้องไปสนใจพวกนั้น เค้าเอาเงินสดมาจ่าย ซึ่งตนไม่ได้อยากได้เงินของเขา
ตนขอให้เขาย้ายโรงพยาบาลพาลูกของตนไปรักษาที่โรงบาลเอกชนเขาก็บอกว่ามันแพงเกินไป ตอนนั้นจึงไม่ได้อยากคุยอะไรกับเขาอีกเลย จึงรักษาต่อที่โรงพยาบาลเดิมเพราะคุณหมอ และพยาบาลก็ดูแลน้องดีมากๆ ตนจึงขอย้ายเข้าห้องพิเศษเพื่อเวลาคุณคุณยายไปเฝ้าไข้จะได้สะดวก และเขาก็ชำระค่าห้องพิเศษ และค่าเฝ้าเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท เพียงเท่านั้น เขาจะให้ตนย้ายไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง แต่ตนไม่มั่นใจว่าเขาจ่ายค่ารักษาให้จริงซึ่งถ้าเขาไม่จ่ายตนก็ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาให้ลูกที่ตนถามหาพรบ. เพราะต้องการให้ พรบ. และประกันของเขา
นางดกษทิพย์ กล่าวอีกว่า เขาอ้างว่ามี มารับผิดชอบรักษาพยาบาลเพียงเท่านั้นเอง ซึ่งมันทำให้ตนเกิดความสงสัยว่ารถคันนี้ซื้อขายกันถูกต้องหรือไม่รถคันละตั้งหลายสิบล้านจะไม่มีประกันเลยหรืออย่างไร ถ้าซื้อขายกันอย่างถูกต้องจริงทำไมเอกสารถึงไม่ยอมยื่นให้เจ้าที่ตำรวจและให้เอาทั้งประกันและพรบ.มารักษาลูกชายของตน
นางสาวอังคณารัตน์ (สงวนนามสกุล) แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผ่านมาเกือบเดือนแล้ววันที่ 8 พฤศจิกายน นี้ก็จะครบหนึ่งเดือนพอดีตนยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องของคดีความเลย ตอนโทรหา เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของสำนวนคดีเขาก็แจ้งว่าอยู่ต่างจังหวัด ตนจึงได้ขึ้นไปคุยกับทางผู้กำกับ สภ.นาจอมเทียน เมื่อคุยกับผู้กำกับเสร็จเดินลงมาตนเจอกับร้อยเวร เจ้าของคดีตนยังตกใจตอนโทรมาบอกไปต่างจังหวัดแต่ทำไมมาเจออยู่ที่สภ.
ซึ่งตนนั้นสงสัย การทำงาน ของเจ้าที่ตำรวจมากทำไมถึงไม่เอื้ออำนวยหรือให้ความกระจ่างกับตนเลยสอบถามเรื่องแผ่นป้ายทะเบียนรถที่ไม่ติด เรื่องเอกสารรถว่าถูกต้องหรือไม่และผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่สากล แต่มาขับขี่รถในเมืองไทยได้อย่างไร คำตอบที่ได้ก็คือไม่เกี่ยวกับอุบัติเหตุซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เราจะไม่มีสิทธิ์รับรู้อะไรเลยเหรอในเมื่อเขาและรถคันนี้ชนลูกเราเสียชีวิต เข้าใจว่าเอกสารต่างๆมันไม่เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ แต่ตนก็อยากทราบว่ารถหรูคันนี้และผู้ขับขี่มีเอกสารถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ที่มาชนลูกตน
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้หาหลักฐานอะไรเพิ่มเติมเลยนอกจากคลิปหลักฐานที่รถลูกชายของตนวิ่งผ่านเพียงเท่านั้น และจากคลิปวงจรปิดลูกชายของตนก็ไม่ได้ขับรถเร็วตามที่ตำรวจสันนิษฐานไว้ ทีแรกตนก็เข้าใจว่าตำรวจนั้นไปหาคลิปหลักฐานการขับรถของฝั่งมาเซราติ ซึ่งตนมั่นใจว่าการขับรถของฝั่งนั้นต้องไม่ปกติอย่างแน่นอนเพราะรถจักรยานยนต์ของลูกชายตัวนั้นพังยั้บจนแทบดูไม่ออก และสภาพการเสียชีวิตของลูกตนนั้นก็ผิดรูป ถ้าน้องไกด์เพื่อนของลูกชายซ้อนท้ายเมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วพูดว่าพวกเขาขับรถย้อนศรหรือผิดเองตนจะไม่เรียกร้องอะไรเลยแต่น้องไกด์เล่าเหตุการณ์ให้ฟังทุกอย่างซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของทางฝั่งของตน
ตนฝากสื่อประชาสัมพันธ์ให้ถึงท่านผบ. ตรให้ช่วยความเป็นธรรมกับตนและลูกชายตนด้วยตนขอพึ่งบารมีท่าน ให้ช่วยตนด้วยเพราะเจ้าที่ตำรวจไม่ชี้แจงหรืออธิบายฝั่งตนได้สบายใจเลย ทางตัวแทนของฝั่งรัสเซียได้มาหาตนที่งานศพคืนสุดท้ายก่อนจะเผายื่นเงินให้ตนประมาณสามถึง 40,000 ตนไม่แน่ใจแต่ตอนนั้นขอไม่รับเพราะต้องการให้ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพราะตั้งแต่เกิดเหตุเขาพูดแต่เพียงว่าลูกของตนข้ามเลนไปชนเขาทั้งทั้งที่หลักฐานและพยานแวดล้อมมันขัดแย้งกันอีกทั้งตนรู้สึกว่าทางเจ้าที่ตำรวจเอื้อประโยชน์ให้ทางฝั่งเขา
น้องไกด์อายุ 17 ปี หนุ่มผู้รอดตายจากการชนกับรถ เก๋งหรู เล่าถึงเหตุการณ์พร้อมเปิดเผยถึงภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพในขณะที่ตนกับเพื่อนที่เสียชีวิตชื่อนิกไปจ่ายค่าเทอมที่วิทยาลัย และในขณะขับรถจักรยานยนต์กำลังกลับบ้านที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยองตนนั้นยืนยันไม่ได้ขับมาเร็วเพราะฝนตกด้วยและระหว่างทางก็คุยกันมาโดยตลอด ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ช่วงที่ตนขับรถผ่านเส้นทางดังกล่าวก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ
จากภาพจะเห็นจุดเกิดเหตุในขณะเพื่อนและตนเข้ามาเส้นทางบริเวณ ในป่าโครงการป่าศิริเจริญวรรษซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อเพื่อที่จะมาออกถนนสาย 331 มุ่งหน้าเข้าอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นทางโค้งตนก็เห็นแค่แสงสองตาวูบนึงจากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลยมาเห็นข่าวที่นักข่าวสัมภาษณ์ตนก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้างตนนอนพักรักษาตัวอยู่ไอซียูสองอาทิตย์ เมื่อตื่นมานั้นก็ถามหาเพื่อนกับแม่ว่านิกเป็นอย่างไรบ้างซึ่งแม่ก็ยังไม่ตอบอะไรจนมีพี่พยาบาลเขามาบอกว่าเพื่อนของตนนั้นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตนนั้นเสียใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตัวเองก็เจ็บทั้งตัวมีอาการสมองบวมใส่เสาอากาศที่ท้องและสะโพกหักสองข้าง เย็บโดยใช้แม็ก 23 ตัวเข็ม 26 เข็มรวมแล้วทั้งหมด 49 เข็ม หมอเย็บตั้งแต่ขา เหนือเข่า ไปถึงสะโพกทั้งสองข้างบริเวณขาใส่เหล็กดำไว้เพราะกระดูกแตกทั้งหมด
ตนยืนยันว่าเพื่อนของตนไม่ได้ขับรถเร็วและไม่ได้ข้ามเลนตอนยังขับอยู่ที่เลนของตัวเองแต่เป็นทางของจักรยานวิ่ง ซึ่งบรรดาผู้ปกครองของเด็กหนุ่มเทคนิคทั้งสองคนนั้นติดใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนสงสัยถามอะไรไปในเรื่องของตัวรถเก๋งหรูและตัวของฝั่งรัสเซียคนขับ ที่สอบถามอะไรไป เหมือนเบี่ยงเบนเป็นเรื่องอื่น อย่างเรื่องของรถเพราะว่าในเรื่องของ ค่ารักษา ตามพรบของลูกชาย ซึ่งตำรวจหากชี้ว่าฝ่ายตนผิด ก็ควรจะบอกมาเลย ไม่ใช่ให้รอว่าอยู่ระหว่างสอบสวนและไปหาก็พยายามเบี่ยงเบนหลบ พอไปเจอจังๆ เขาทำหน้าไม่ถูก ทั้งที่ บอกกับเราว่าไม่อยู่ ซึ่งผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้วคดีความก็ยังไม่คืบหน้าอะไรเลยและตอนนี้ก็รู้สึกว่าเจ้าที่ตำรวจเอนเอียงให้กับกลุ่มชาวรัสเซีย เพราะมีคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ที่มาช่วยเคลียร์ช่วยคุยให้เขาเป็นทั้งตำรวจและทหารในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยัง พ.ต.อ.วัฒนชัย แสงฤทธิ์ ผู้กำกับสภ. นาจอมเทียน จ.ระยอง เผยว่าจากเหตุการณ์นี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งเฉยยืนยันดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหานั้นยังรอรายงานจากพิสูจน์หลักฐานซึ่งยังไม่ได้รับมาและในส่วนของเรื่องที่ผู้ปกครองสงสัยเรื่องใบขับขี่ในเรื่องเอกสารรถต่างๆตนยืนยันว่ามีการเรียกมาปรับตามกฎหมายแล้วและทำการอายัดตัวของผู้ขับขี่ไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าคดีนี้ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา และเน้นในเรื่องของมนุษยธรรมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เห็นใจฝั่งที่สูญเสียอยู่แล้วแต่ยังไงแล้วก็ต้องรอหลักฐานต่างๆเพื่อมาประกอบสำนวนคดี