ข่าว

ใครไม่พูดความจริง? จับพิรุธเงิน 39 ล้านอลวน โอนให้สแกมเมอร์ หรือใครรับไป

ใครไม่พูดความจริง? จับพิรุธเงิน 39 ล้านอลวน โอนให้สแกมเมอร์ หรือใครรับไป

07 พ.ย. 2567

เพจดังจับพิรุธปมเงิน 39 ล้านอลเวน โอนให้สแกมเมอร์ นางสาว ส. แจ้งความจำนวนเงินแค่ 2 ล้านกว่า ตั้งคำถาม เรื่องนี้ใครไม่พูดความจริง?

7 พ.ย. 2567 จากกรณี ปมเงิน 39 ล้าน ซึ่งทางทนายตั้มได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าทางเจ๊อ้อย ได้โอนเงินจำนวนนี้ให้กับ สแกรมเมอร์ ซึ่งอ้างตัวว่าเป็น ดาราจีน ชื่อ "เฉินคุน" เพื่อให้เดินทางมาประเทศไทย ซึ่งมีการจ่ายเงินดังกล่าวเป็นสกุลเงินดิจิทัล "บิทต์คอยน์"

 

ต่อมา ทางด้านของ "ดาวแปดแฉก" ได้ออกมาจับพิรุธ เงินจำนวน 39 ล้านบาท ที่เจ๊อ้อย ได้โอนให้กับ สแกมเมอร์ ที่อ้างตัวว่าเป็น เฉินคุน (ดาราจีน) ซึ่งมีการโอนเงินเป็น บิทคอยน์ จำนวน 7 ครั้ง พบว่ายอดเงินมีเพียง 2 ล้านกว่าบาท ไม่ถึง 39 ล้านตามที่กล่าวอ้าง 

 

โดยทางเพจระบุรายละเอียดดังนี้ วันที่ 23 พ.ค.2566 บางคนลงประจำวันกับตำรวจ ว่า เงินบิตคอยน์ รวมกว่า 2 ล้านบาท โอนให้ใครไม่รู้ ต่อมาวันที่ 25 พ.ค.2566 เล่นบทเศร้า "พี่อ้อย" ใจอ่อนตัดใจโอนเงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อแคชเชียร์เช็ค โดยมีบุคคลบอกให้สั่งจ่ายชื่อผู้แจ้ง 39 ล้านบาท แล้วมีบุคคลหนึ่งมารับแคชเชียร์เช็ค

ข้อสงสัย ผู้แจ้งจะโอนเงินบิทคอยน์ ให้กับบุคคลอื่นที่ไม่รู้จักเป็นไปได้หรือ และไม่รู้หรือว่าโอนค่าอะไร ถึงจำเป็นต้องโอนเป็นไป หากกล่าวอ้างว่าเงิน 39 ล้านบาท ถูกดูดทำไมบันทึกประจำวัน ลงแค่โอน 7 ครั้ง ยอดเงินแค่กว่า 2 ล้านบาท แต่ยอดเงิน 39 ล้านบาท ไม่ปรากฏในบันทึกประจำวัน 

 

ข้อสงสัย เงินบิทคอยน์ ในเรื่องนี้หากมีจริงความเสียหายแค่กว่า 2 ล้านบาท ไม่ใช่ 39 ล้านบาท บางคนอ้างว่า พี่อ้อยถูกสแกมเมอร์หลอก เตือนแล้วแต่พี่อ้อยโอนให้เอง

 

ข้อเท็จจริงยอดเงิน 39 ล้านบาท พี่อ้อย โอนจากบัญชีส่วนตัวจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อแคชเชียร์เช็ค ให้กับบุคคลหนึ่ง โดยมีหลักฐาน คือสำเนาการโอน การซื้อแคชเชียร์เช็ค และรายการเดินบัญชี ไม่ได้ถูกสแกมเมอร์หลอก ปมเงิน 39 ล้านใครไม่พูดความจริง ทั้งหมดก็แค่สงสัย ไม่ได้มโน"

 

ใครไม่พูดความจริง? จับพิรุธเงิน 39 ล้านอลวน โอนให้สแกมเมอร์ หรือใครรับไป

นอกจากนี้ "บิ๊กเกียน" ยังได้ระบุรายละเอียดของการลงทันทึกแระจำวันของ ส. เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันก่อนที่ เจ๊อ้อย จะโอนเงินให้กับ ส. ในวันที่ 25 พ.ค. 2566

 

ใครไม่พูดความจริง? จับพิรุธเงิน 39 ล้านอลวน โอนให้สแกมเมอร์ หรือใครรับไป

 

อย่างไรก็ตาม "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึง ต้นเหตุของเงิน 39 ล้าน ว่า ประเด็นแห่งคดีเกิดขึ้นหลังจาก  "นุ" กับ "ส" ได้มาบอกอ้างกับพี่อ้อยว่า กระเป๋าเงินที่โอนเงินบิทคอยน์นั้น แท้ที่จริงเป็นของ "ส" และถูกระงับบัญชีเพราะไปพัวพันกับอินสตาแกรมมิจฉาชีพหลอกลวงบัญชีนักแสดงจีนรายนี้ และทำให้บัญชีถูกดูดเงินไปทั้งหมด ทำให้ "ส" เสียหายมูลค่า 39 ล้านบาทในบัญชีทั้งหมด

โดยวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณเที่ยง "ส" ได้ไป “ลงบันทึกประจำวัน“ ที่ สน.บางซื่อโดยอ้างว่า ”สารินีมีกระเป๋าเงินออนไลน์ชื่อบัญชีหนึ่งใน Gmail และโอนเงินสกุลบิดคอยน์ให้กับบุคคลไม่ทราบชื่อสกุล โดยใช้วิธีสแกนคิวอาร์โค้ดบัญชีหนึ่งจำนวน 7 ครั้ง คือ

 

  • ครั้งแรก 0.001 บิทคอยน์ = 120,000 บาท
  • ครั้งที่สอง 0.1358 บิทคอยน์ = 101,600 บาท
  • ครั้งที่สาม 0.1358 บิทคอยน์ = 101,600 บาท
  • ครั้งที่สี่ 0.1358 บิทคอยน์ = 101,600 บาท
  • ครั้งที่ห้า 0.1358 บิทคอยน์ = 101,600 บาท
  • ครั้งที่หก 0.9 บิทคอยน์ = 875,000 บาท
  • ครั้งที่เจ็ด 0.9 บิทคอยน์ = 875,000 บาท

 

รวมมูลค่า 2,276,400 บาท

 

และ "ส" ยังได้ลงบันทึกประจำวันต่อด้วยว่า "ปรากฎว่าหลังจากนั้นบัญชีที่เชื่อมต่อกับ Gmail ของ "ส" รวมถึงแอพกระเป๋าเงินออนไลน์ "ถูกระงับบัญชี ไม่สามารถเข้าได้อีกเลย"

 

จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนตรวจสอบบัญชีปลายทางว่าเป็นของใคร และเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไร "ส" จึงได้มาแจังความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด

 

ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า "ส" เสียหายจริงหรือไม่ และเสียหายมากถึง 39 ล้านบาทหรือไม่ และการไม่ลงบันทึกมูลค่าความเสียหาย 39 ล้านบาทในการแจ้งความกับตำรวจนั้นผิดวิสัยหรือไม่ เพราะเหตุใดจึงลงแต่ยอดเงินที่โอนไปโดยไม่กล่าวถึงมูลค่าความเสียหาย

 

และความน่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ “มีการถูกระงับบัญชี จนไม่สามารถเข้าบัญชีได้อีกเลย”เป็นความจริงหรือไม่?

 

โดย “นุ” กับ "ส" ได้นำใบแจ้งความไปบอกพี่อ้อย ยังได้ทะเลาะกันและร้องไห้ต่อหน้าพี่อ้อย เสมือนว่าเพราะทำธุรกรรมให้พี่อ้อยจึงทำให้ต้องเสียหายและเดือดร้อน ทำให้พี่อ้อยหลงเชื่อและรู้สึกเสียใจที่ทำให้ “นุ” และ “สารินี” ได้รับความเดือดร้อน จึงได้มอบแคชเชียร์เช็คจำนวนเงิน 39 ล้านบาท ให้กับ “สารินี” และ “นุ” เพื่อชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น

 

ต่อมา “พี่อ้อย”เพิ่งจะมาทราบว่าเรื่องที่ “นุ” และ "ส" (ที่ทนายตั้มพามา) มาบอกพี่อ้อยนั้น “ไม่ใช่ความจริงใดๆเลย” ส่วนไม่จริงอย่างไรนั้นจะยังไม่ขอเปิดเผยในเวลานี้

 

โดยก่อนหน้านี้ ทนายตั้ม ได้ให้สัมภาษณ์ที่กองปราบฯ ถึงจำนวนเงิน 39 ล้านบาท ว่า เจ๊อ้อย เกิดความเสียหาย และ เรื่องเงิน 39 ล้านบาท เจ๊อ้อย ได้ไปคุยกับสแกมเมอร์ ที่อ้างตัวว่าเป็นดาราจีนนานเป็นปี โดยเจ๊อ้อย มาบอกว่า เขาคุยกับดาราจีนคนหนึ่ง และ ต้องการให้ดาราคนดังกล่าวเดินทางมาประเทศไทย และ อยากให้โอนเงินไปให้ โดยเป็นการโอนเงินบิทคอยน์ ซึ่งตนไม่มีความรู้ โอนไม่เป็น ก็เลยให้น้องที่ชื่อ นุ ไปโอนให้ ครั้งแรกดาราจีน บอกว่าจะมาไทย แต่ยังมาไม่ได้จะต้องโอนเงินให้บอดี้การ์ด ซึ่งก็ทำให้ตนรู้สึกตะงิดใจแล้ว จึงตั้งข้อสังเกตุว่าอาจเป็นแสกมเมอร์ ตนจึงไปคุยกับเลขาของเจ๊อ้อย ว่า อาจจะไม่จริงเพราะโอนเงินรอบแรกเขาก็เดินทางมาตามที่รับปากแล้ว จากนั้น ก็มีการพูดคุยกันจนตนต้องให้น้องโอนไปอีกรอบแต่จำยอดไม่ได้ว่าเท่าไหร่

 

ตอนนั้นตนกับเลขาเจ๊อ้อย ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ท้ายสุดก็ไปไหว้วาน นุ ให้จัดการให้ ซึ่งงตนคิดว่ามีการโอนไปหลายครั้ง และไม่รู้ว่าการโอนหลายครั้งจะถูกระงับบัญชี หรือ ถูกแฮกข้อมูลไป และตนเป็นคนบอกเองว่าจะต้องไปแจ้งความ

 

ใครไม่พูดความจริง? จับพิรุธเงิน 39 ล้านอลวน โอนให้สแกมเมอร์ หรือใครรับไป