กองปราบ ประสาน ปปง. เร่งเช็กทรัพย์สิน “ทนายตั้ม” ที่ซุกซ่อนไว้ เพื่อเข้าอายัด
กองปราบ เร่งประสาน ปปง. ไล่ตรวจสอบทรัพย์สิน “ทนายตั้ม” ที่มีการยักย้ายถ่ายเทออกไปซุกซ่อน เพื่ออายัดทรัพย์ - เช็ก GPS วันถอนเงิน 39 ล้าน
9 พ.ย. 2567 กรณี ตำรวจกองปราบ นำกำลัง จับกุม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด หรือ เดือน ภรรยาทนายตั้ม ในความผิดฐาน ฉ้อโกง , ฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินและเหตุที่ได้มีการสมคบกัน หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ที่ จ.5337/2567 ในคดีที่ เจ๊อ้อย จตุพร อุบลเลิศ แจ้งความฐานฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท เมื่อช่วงเที่ยง วันที่ 7 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา
ต่อมา เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว ทนายตั้ม และ เดือน ภรรยาทนายตั้ม เข้าฝากขังต่อศาลอาญา โดยทนายความได้ยื่นประกันตัวเดือน ภรรยาทนายตั้ม โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เกรงจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งคู่จึงถูกส่งไปควบคุมที่เรือนจำ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ยังคงสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวของ บช.ก. ดำเนินการสืบหาพยานหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พยานหลักฐานในสำนวนคดี มีความแน่นหนาและรัดกุม ครอบคลุมทุกมิติ เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นทนายความ มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างขยายผลตามอายัดทรัพย์สินต่างๆ ที่อยู่ในการครอบครองของ ทนายตั้ม และ ภรรยา มาตรวจสอบที่ไปที่มา โดยเฉพาะรถหรู แผ่นป้ายทะเบียนรถเลขสวย รวมไปถึงที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ นาฬิกาหรู และ เสื้อผ้ากระเป๋าแบรนด์เนม ต่างๆ ที่มีการเคลื่อนย้ายถ่ายเท ซึ่งในส่วนนี้ทางตำรวจจะมีการประสานข้อมูลร่วมกับทาง สำนักงาน ปปง. เพื่อเร่งติดตามอายัดอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ในส่วนของการตรวจสอบกรณีฉ้อโกงเงิน 39 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานข้อเท็จจริง เบื้องต้นทราบว่า หลัง เจ๊อ้อย โอนเงินจำนวนดังกล่าวมาให้แล้วนั้น นายนุ คนสนิททนายตั้ม และ น.ส.สารินี ภรรยาของนายนุ ได้เดินทางไปถอนเงินสดออกมาจากธนาคาร ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านห้าแยกลาดพร้าว
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล GPS รถ Porsche รุ่น Cayenne ทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร ของนายษิทรา เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ในวันที่น.ส.สารินี กับ นายนุ ไปถอนเงินนั้น ทนายตั้ม ได้มีการไปพบกันหรือไม่
นอกจากนี้ จากกรณี พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ เกี่ยวกับกรณี ที่ น.ส.สารินี เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อ อ้างว่า ถูกดูดเงินจากบัญชีที่ใช้โอนบิทคอยน์ ไปจำนวน 2,276,400 บาท เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2566 นั้น
จากการสอบปากคำ พ.ต.อ.ภูวดล ให้การยอมรับว่า ก่อนหน้าที่ น.ส.สารินี จะมาลงบันทึกประจำวันนั้น ทนายตั้ม ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหา เพื่อขออำนวยความสะดวกให้รับลงบันทึกประจำวันให้กับ น.ส.สารินี จริง ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีโกงเงิน 39 ล้านบาทเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม จากการที่เมื่อวาน (8 พ.ย.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.ภูวดล เกี่ยวกับเรื่องรับลงบันทึกประจำวันดังกล่าวว่า เอื้อประโยชน์ให้กับทนายตั้ม และ พวกหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีโกง 39 ล้านบาทของสอบสวนกลาง จึงเตรียมเร่งประสานขอข้อมูลการสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี เป็นแนวทางพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป