ข่าว

จับ! "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" จีน เช่าที่ รองนายกเทศมนตรีตำบลจันดี เป็นฐาน

จับ! "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" จีน เช่าที่ รองนายกเทศมนตรีตำบลจันดี เป็นฐาน

10 พ.ย. 2567

ตำรวจไซเบอร์ จับ! หัวหน้า "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" จีน เช่าที่ รองนายกเทศมนตรีตำบลจันดี เป็นฐาน คอยตุ๋น ชาวไทย จีน ญี่ปุ่น

10 พ.ย. 2567 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5

 

จับกุมตัวนายเจียง จ้ายเทียน อายุ 33 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทุ่งสง  วันที่ 22 ตุลาคม 2567

 

ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นช่องโจร ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

จับ! \"แก๊งคอลเซ็นเตอร์\" จีน เช่าที่ รองนายกเทศมนตรีตำบลจันดี เป็นฐาน

สืบเนื่องจากเมื่อ 29 มี.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจสืบสวน ภาค8 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ กสทช. กว่า 100 นาย ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ ที่ลักลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทย,ชาวจีน,ชาวรัสเชียและชาวญี่ปุ่น

 

ตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยการตรวจค้นครั้งนั้นสามารถจับกุมขบวนการชาวจีน และผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ รวม 90 คน พร้อมยึดของกลางอีกรายหลายการ เช่น คอมพิวเตอร์ 192 เครื่อง, มือถือและซิมผี 854 เครื่อง, Router กระจายสัญญาณ 22 เครื่อง, และบัญชีม้า 342 เล่ม ซึ่ง

 

จากการขยายผลยังพบความเชื่อมโยงถึง รองนายกเทศมนตรีจันดี ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนมาใช้เป็นฐานปฎิบัติการ ซึ่งได้รับผลประโยชน์จากการเช่าอาศัย

 

โดยขบวนการนี้มีนายเจียง เป็นหัวหน้าคนจีน ทำหน้าที่รับส่งคนจีนด้วยกันจากที่พักในหมู่บ้าน ไปส่งที่โรงแรมจินเฮง โดยใช้รถยนต์ ยี่ห้อ Ford สีส้ม หมายเลขทะเบียน 5 ชญ 6205 กทม. ในการรับส่ง และหลบหนีไปหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้น ก่อนจะเข้ามอบตัวในเวลาต่อมา

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดี และจะทำการขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป