อุทาหรณ์ หนุ่มป่วยโรคประจำตัว กินยาไม่ตรงเวลา โทรหาเมีย บอกอาการสุดท้ายก่อนสิ้นใจ
อุทาหรณ์ โรคประจำตัว หนุ่มป่วยไทรอยด์ ขับกระบะจะไปทำงาน โทรบอกภรรยาว่าหายใจติดขัด ก่อนหมดสติเสียชีวิตในรถ
17 พฤศจิกายน 2567 ร.ต.อ.พิรยุทธ แข็งแรง รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางพลีน้อย ได้รับแจ้งเหตุ พบคนหมดสติอยู่ภายในรถยนต์กระบะ ที่จอดอยู่ริมถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) หลักกิโลเมตรที่ 35 ช่องเลนด่วน ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ตำบลบางพลีน้อย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ
หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูเดินทางตรวจสอบ ที่เลนซ้ายช่องทางด่วน พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา จอดอยู่ ภายในรถฝั่งที่นั่งคนขับ พบชายหมดสติหนึ่งราย สภาพหัวเอนไปที่เบาะด้านข้าง ทราบชื่อ นายพิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ชาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงนำร่างออกมาจากรถ ก่อนทำการปั้มหัวใจอยู่นาน แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จึงประสาน แพทย์เวรโรงพยาบาลบางบ่อ ร่วมชันสูตรเบื้องต้นในที่เกิดเหตุ
ในขณะที่แพทย์เวรกำลังชันสูตรพลิกศพอยู่นั้น ลูกชายคนโตของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาถึง ก็ร่ำไห้ด้วยความเสียใจอย่างหนัก และเป็นลมล้มลงในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้าให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาล
จากการสอบถาม น.ส.พิมลรัตน์ อายุ 40 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า นายพิชัย สามี มีอาชีพเป็นพนักงานราชการสังกัดกองการศึกษาหน่วยงานแห่งหนึ่ง ในเขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะกลับมาหาตน กับลูกสาว ที่บ้านในจังหวัดฉะเชิงเทรา และช่วงเย็นประมาณ 17.00 น. สามี ได้ขับรถยนต์กระบะคันเกิดเหตุ เพื่อจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร
ระหว่างมาถึงจุดเกิดเหตุ สามีได้โทรศัพท์มาหาตน บอกว่ามีอาการผิดปกติหายใจติดขัด จอดรถอยู่ริมถนนบางนาตราด จากนั้นสายก็ตัดไป ตนจึงชวนลูกสาวออกตามหาและมาพบนอนหมดสติอยู่ในรถ จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของสามีได้
ส่วนสาเหตุ คาดว่า น่าจะเกิดจากอาการป่วยด้วยโรคไทรอยด์ ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของสามี และที่ผ่านมา สามีมักไม่ค่อยกินยาตามที่แพทย์สั่ง เมื่ออาการกำเริบจึงเป็นเหตุผลให้เสียชีวิตในครั้งนี้ โดยตนและครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต แต่อยากจะฝากเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ป่วยโรคไทรอยด์ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจ ขออย่าประมาทควรกินยาและดูแลร่างกายอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ มิฉะนั้นอาจเกิดการสูญเสียเหมือนเช่นกรณีของสามีตน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้ทำการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด จึงมอบร่างผู้เสียชีวิตให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์สมุทรปราการ พร้อมให้ข้อมูลกับญาติถึงขั้นขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนรถยนต์ ของผู้เสียชีวิต มอบให้ภรรยานำกลับบ้านได้ เพราะไม่ต้องใช้เป็นหลักฐานในการประกอบสำนวนคดีแต่อย่างใด