ขุดประวัติ มือสังหาร แม่ยายอัยการ เคยก่อคดีอุกฉกรรจ์ ติดคุกเยอรมัน 10 ปี
แม่ยายอัยการ ไม่ใช่เหยื่อรายแรก ขุดประวัติมือสังหาร เคยก่อคดีอุกฉกรรจ์ จ้วงฝรั่ง 80 แผล ชิงทรัพย์ ติดคุกเยอรมัน 10 ปี
18 พ.ย. 2567 น.ส.วรรณรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี นิมนต์พระมาเชิญวิญญาณ นางวรรณา (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี ซึ่งถูกเพื่อนสนิทสังหารอย่างโหดเหี้ยม บริสวนปาล์ม ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง
น.ส.วรรณรัตน์ กล่าวยอมรับว่าไม่อยากผูกเวรกับคนก่อเหตุ แต่ก็ให้อภัยไม่ได้ และขอให้เขาชดใช้กรรมที่ทำกับคุณแม่ในชาตินี้ให้มันจบกันไป สำหรับตนและพี่ชาย คืนแรกไม่สามารถนอนหลับได้เลย มันสะเทือนใจ และได้จุดธูปบอกคุณแม่ไม่ตายฟรีแน่นอน
ทั้งนี้เชื่อว่าคนร้ายชอบตบทรัพย์ ชิงทรัพย์คนอื่นจนเป็นนิสัย เพราะติดการพนัน และหากขอยืมแม่ 1-2 พัน แม่ต้องให้อยู่แล้ว แต่เขาน่าจะหวังมากกว่านั้น จึงลงมืออย่างโหดร้าย ถ้าหากไม่มีคนมาเจอ คุณแม่ของตนต้องนอนอยู่ตรงนี้ไม่รู้อีกกี่เดือน อย่างไรก็ตามตนขอบคุณตำรวจ สภ.วังจันทร์ และสื่อมวลชน ที่ช่วยตามหาคุณแม่จนเจอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มคนไทยในเยอรมันที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของนางวรรณนา และทราบว่าคนร้าย คือนางกมลวรรณ ต่างเข้ามาให้ข้อมูลว่า นางกมลวรรณ ตอนอยู่เยอรมัน เคยก่อเหตุฆ่าคนตายชิงทรัพย์ไป 2 ราย ติดคุกเยอรมัน 10 ปี สามีเขาช่วยเรื่องคดี จนถูกส่งกลับมาเมืองไทย คนคอมเมนต์อ้างว่า คนเก่าๆ ที่นี่เล่าให้ฟัง ฝรั่งที่ตายคนแรกเจอในบ่อน แล้วเล่นได้เยอะ จึงร่วมกันปล้นกับผู้ชายอีกคน รุมแทงเขา 80 แผล จนเสียชีวิต ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ตำรวจไทยอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง
ด้าน พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงศ์ รอง ผบช.ภ.2 แถลงสรุปคดีว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พ.ย. เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่พบศพนางวรรณา อายุ 65 ปี บริเวณสวนปาล์ม ม.3 ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง สภาพศพมีร่องรอยถูกดีที่ศีรษะ และนิ้วนาง ข้างซ้าย-ขวา ขาดหายไป ต่อมาสืบสวนจนทราบตัวคนร้าย คือ นางกมลวรรณอายุ 56 ปี จึงได้ขอออกหมายจับข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือ ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย” และสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง สร้อยคอทองคำ จํานวน 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำ จำนวน 1 เส้น แหวนเพชร จํานวน 2 วง รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว 1 คัน
ชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นเพื่อนกับผู้ตาย โดยวางแผนชวนผู้ตายมายังที่ เกิดเหตุ เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์สิน เมื่อขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ลงจากรถแล้วไปเปิดประตูรถ ฝั่งที่ผู้ตายนั่งอยู่และได้กระชากผู้ตายลงจากรถ แล้วได้ใช้แท่งเหล็กข้ออ้อยยาวประมาณ 40 เซนติเมตร ตีเข้าไปบริเวณใบหน้าและลำตัวของผู้ตายหลายครั้งจนผู้ตายแน่นิ่งไป
จากนั้นผู้ต้องหาได้ถอดเอา ทรัพย์สินของผู้ตาย แต่แหวนเพชรไม่สามารถถอดได้ จึงใช้ท่อนเหล็กกระแทกจนนิ้วนางทั้งซ้าย-ขวา ขาด จึงได้ถอดแหวนที่ติดกับนิ้วของผู้ตายออกได้ แล้วได้โยนนิ้วที่ขายทิ้งบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นผู้ต้องหาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนำไปทิ้งในถังขยะข้างทาง หลังจากนั้นได้ขับรถหลบหนีมุ่งหน้าไป อ.บ้าน บึง จ.ชลบุรี
โดยได้นำสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ และแหวนเพชรทั้ง 2 วง ไปขายที่ร้านทองใน อ.บ้านบึง ได้เงิน จำนวน 88,300 บาท โดยผู้ต้องหาได้นำเงินดังกล่าวไปใช้หนี้สิน มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ ผู้ต้องหามีหนี้สินจำนวนมาก และเห็นว่าผู้ตายมีทรัพย์สินติดตัวเป็น จำนวนมาก จึงวางแผนก่อเหตุในครั้งนี้โดยประสงค์ต่อทรัพย์