จู่โจมจับ นายก อบต.สำนักทอง เรียกสินบนผู้รับเหมา แลกเซ็นเช็คค่าก่อสร้างถนน | คมชัดลึก

21 พ.ย. 2567 เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สนธิกำลัง ตำรวจ บก.ปปป., เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ "ถล่มเจ้าสำนักทอง" เข้าจับกุม นายสุรินทร์ อายุ 71 ปี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสำนักทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ 22/67 ลงวันที่ 20 พ.ย.2567

ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดย มิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้า พนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือ ใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต

และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วย หน้าที่ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมาตรา 173 

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก ตำรวจ บก.ปปป. ได้ทำการสืบสวนสอบสวน กรณีผู้เสียหายในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทแห่งหนึ่งได้รับความ เดือดร้อนเนื่องจากถูกนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสำนักทอง ซึ่งเรียกรับเงิน เพื่อให้ได้เช็คจากโครงการก่อสร้าง ถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายเขามะกอก หมู่ที่ 4 ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นตามขั้นตอนแล้ว จึงเข้าพบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อขอความช่วยเหลือ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ได้นำผู้กล่าวหา เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ นายก อบต. คนดังกล่าว

โดยเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2567 ผู้เสียหายได้ประมูลงานขององค์การบริหารส่วนตำบลสำนักทอง ในโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ด้วยราคา 835,000 บาท ต่อมาในวันที่ผู้เสียหายได้เข้าไปทำสัญญาจ้างก่อสร้าง นายสุรินทร์ ได้เรียกผู้เสียหายเข้าไปเจรจา โดยขอเงินจำนวน 13 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนเงินใน สัญญาจ้าง ผู้เสียหายจึงได้ต่อรองว่าเป็น 33 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนที่หักภาษีแล้ว จึงเป็นเงินจำนวน 100,534 บาท นายสุรินทร์ ยินยอมตกลงในจำนวนดังกล่าว

นอกจากนี้ยังโน้มน้าวให้ผู้เสียหายซื้อวัสดุก่อสร้างจากนายสุรินทร์ด้วย แต่ผู้เสียหายไม่ได้ซื้อ เนื่องจากราคาที่นายสุรินทร์ เสนอนั้นสูง หลังจากนั้นบริษัทของผู้เสียหายจึงได้ก่อสร้าง จนแล้วเสร็จส่งมอบงานและ ได้ตรวจรับงานเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างก่อสร้าง

ต่อมาเมื่อเดือนตุลาคม 2567 นายสุรินทร์ ได้ใช้โทรศัพท์ ให้ผู้เสียหายไปรับเช็คค่าก่อสร้าง โดยให้นำเงินสดจำนวน 100,434 บาท มามอบให้ด้วย และโทรมาเพื่อเร่งรัดผู้เสียหายอีกจำนวนหลายครั้ง แต่ผู้เสียหายไม่ได้รับสาย เนื่องจากหากหักเงินจำนวนดังกล่าวไปก็จะขาดทุนในการก่อสร้างดังกล่าว เมื่อได้รับความเดือดร้อน ผู้เสียหายจึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาปรึกษาและเล่าข้อเท็จจริงดังกล่าว ให้กับสำนักงาน ป.ป.ท.เขต 2 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เขต 2 ฟังพร้อมกับหลักฐานที่มี

และเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ผู้เสียหายพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ป.ป.ท. เขต 2 ได้เดินทางไปพบนายสุรินทร์ ที่ห้องทำงาน ในองค์การบริหารส่วนตำบลสำนักทอง โดยได้พูดต่อรองราคาแล้วลดจาก 13% เป็น 12% จากยอดเช็คที่หักภาษี แล้ว ซึ่งให้นำเงินสดไปแลกกับเช็คที่จะต้องได้ และผู้เสียหายก็ได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับนายสุรินทร์ ตามกฎหมายจนคดีถึงที่สุด

ซึ่งการกระทำนี้ ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลสำนักทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ออกหมายจับนายสุรินทร์

จนกระทั่งวันนี้ผู้เสียหายนำเงินจำนวนดังกล่าว เข้าไปมอบให้แก่ผู้ต้องหาภายในห้องทำงาน ผู้ต้องหาได้นำกำลังปิดล้อมห้องทำงานและเข้าค้นตัวพร้อมทั้งโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จึงได้นำ หมายค้นและหมายจับเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา และดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาให้เจ้าพนักงานตำรวจ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ พยายามตรวจค้นตัว นายสุรินทร์ มีท่าทีไม่พอใจ และบอกให้ตำรวจหยุดล้วงกางเกง เพราะกลัวว่าจะโดนนำสิ่งผิดกฎหมายมาใส่ และบอกตำรวจว่า ตนเองไม่หนีไปไหน เพราะไม่ใช่คดีฆ่าคนตาย จนตำรวจต้องบอกว่าให้ใจเย็นๆ