ข่าว

ผู้เสียหาย ถูกหลอกลงทุนยื่นค้านประกันกัน “เมีย-ลูก” หมอบุญ โอดบ้านจะถูกยึด

ผู้เสียหาย ถูกหลอกลงทุนยื่นค้านประกันกัน “เมีย-ลูก” หมอบุญ โอดบ้านจะถูกยึด

23 พ.ย. 2567

ผู้เสียหายถูกหลอกลงทุน ยื่นค้านประกันตัว “เมีย-ลูก”หมอบุญ ลั่นไม่เชื่อถูกปลอมลายเซ็น เดือดตัวเองบ้านจะถูกยึด แต่หมอบุญไปเสวยสุขต่างประเทศ

23 พ.ย. 2567 ความคืบหน้า กรณีออกหมายจับ นพ.บุญ วนาสิน หรือ หมอบุญ กับพวกอีก 8 คน ประกอบด้วย นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี ภรรยาของ นพ.บุญ , นางสาวนลิน อายุ 51 ปี ลูกสาวของ นพ.บุญ , นางสาวจิดาภา อายุ 53 ปี เลขาส่วนตัว นพ.บุญ , นางสาวศิวิมล อายุ 38 ปี ผู้จัดการเกี่ยวกับเอกสาร สัญญาต่างๆ และจัดการด้านการเงิน ,

 

นางอัจจิมา อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ของ บริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมลงทุน , นายภาคย์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์ ผู้ประสานงานให้คำปรึกษา ชักชวนลงทุน , นางภัทรานิษฐ์ อายุ 55 ปี เป็นนายหน้า และผู้ชักชวนแนะนำการลงทุน ผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน , นายธนภูมิ อายุ 36 ปี ตัวแทนติดต่อชักชวนผู้เสียหาย เป็นผู้จัดทำสัญญา

 

กรณีหลอกลวงผู้เสียหายร่วมลงทุน ในปี 2566-2567 โดยมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 247 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท

ภรรยากับลูกสาว หมอบุญเข้ามอบตัว

 

โดยศาลอาญาได้ออกหมายจับ นพ.บุญ 5 ข้อหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ , สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาเช็คเด้ง หรือออกเช็คแล้วขึ้นกับธนาคารไม่ได้

 

จากแนวทางการสืบสวน พบว่า นพ.บุญ เดินทางไปต่างประเทศ และมีข้อมูลว่า เดินทางจากฮ่องกงไปจีน โดยตำรวจได้ประสานกับกระทรวงการประเทศ ออกหมายแดง (red notice) ในการติดตามตัว แล้ว

 

ส่วนเครือข่ายผู้ร่วมกระทำผิด ถูกออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันให้กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

 

ล่าสุด วันนี้ เวลา13.00 น. นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี ภรรยาของ นพ.บุญ พร้อมด้วย น.ส.นลิน อายุ 51 ปี บุตรสาวของ นพ.บุญ และ  นายชำนาญ ชาดิษฐ์ ทนายความ เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ห้องประชุม บก.น.1 ชั้น 3 อาคาร บช.น.

 

ผู้เสียหาย ถูกหลอกลงทุนยื่นค้านประกันกัน “เมีย-ลูก” หมอบุญ โอดบ้านจะถูกยึด

 

ระหว่างที่เจ้าหน้าที่สอบปากคำ นางจารุวรรณ กับ น.ส.นลิน อยู่นั้น เวลา 15.00 น. มีผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง เดินทางมายื่นขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะหลบหนี

 

โดย นายหมี อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ตนได้ร่วมลงทุนกับเพื่อนผ่านโบรกเกอร์บริษัทดังรายหนึ่ง โดยตนถูกชักชวนให้ไปลงทุนร่วมกับเพื่อน โดยตนลงทุนไป 70 ล้านบาท เพื่อนลงทุนไป 100 ล้านบาท รวม 170 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ไม่ได้รู้จักกับ นพ.บุญ เป็นการส่วนตัว แต่เห็นผ่านสื่อโฆษณา และเป็นหมอที่มีชื่อเสียง คิดไม่ถึงว่าจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ ส่วนใหญ่อ้างว่าจะนำไปลงทุนโครงการเวลเนสริมแม่น้ำ พระราม 3 และ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และ อ้างว่าจะนำไปลงทุนซื้อถุงมือทางการแพทย์ ในช่วง โควิด-19

 

นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายรายอื่นอีกหลายราย มีผู้เสียหายรายหนึ่งเสียหายมูลค่าสูงสุดถึง 2,000 ล้านบาท ในการลงทุน และเชื่อว่ามูลค่าความเสียหายทั้งหมด น่าจะสูงถึง 20,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้โบรกเกอร์ และ นพ.บุญ อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อปี ช่วงแรกมองว่าไม่สมเหตุสมผล แต่ นพ.บุญ นำหุ้นของโรงพยาบาลธนบุรี มาใช้ในการค้ำประกัน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งผู้เสียหายมีหลายรูปแบบ ทั้งที่ได้หุ้น และยังไม่ได้หุ้นดังกล่าว

 

จากการตรวจสอบย้อนหลังหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า หุ้นดังกล่าวเหลือเพียงหุ้นที่เป็นชื่อของลูก และภรรยาของ นพ.บุญ เท่านั้น ยังพบว่า นพ.บุญ ถือหุ้นอยู่เพียงเล็กน้อย

 

ส่วนกรณีของลูกสะใภ้ ของ นพ.บุญ ที่ตำรวจกันไว้เป็นพยาน ไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา  นายหมีระบุว่า ตนเองรู้สึกแปลกใจที่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะเชื่อว่า ลูกสะใภ้คนนี้มีส่วนรู้เห็นในขบวนการนี้ เนื่องจากในเวลาจำนองหุ้น ตนได้เข้าไปร่วมระหว่างการโอนหุ้นด้วย พบว่ามีการใช้บัตรประชาชนตัวจริง และยืนยันทางโทรศัพท์กับเจ้าของหุ้น ซึ่งมีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ และเชื่อว่าทุกคนมีส่วนร่วมในขบวนการนี้

 

ส่วนกรณีที่ลูกสาว และภรรยาปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น และถูกปลอมลายเซ็นนั้น นายหมี ระบุว่าไม่เชื่อ เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันน่าจะมีส่วนรู้เห็น ส่วนที่ เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลวันนี้ เพื่อต้องการคัดค้านการประกันตัวสองแม่ลูก เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี เช่นเดียวกับ นพ.บุญที่หลบหนีไป ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2567 และเชื่อว่า ทรัพย์สินถูกส่งไปยังนพ.บุญ เป็นที่เรียบร้อย

 

เมื่อถามถึงกรณี นพ.บุญ ไปเสวยสุขอยู่ ต่างประเทศ นายหมี มีการด่าทอ และบอกว่า ตนเองได้รับความเดือดร้อนจากการที่นำเงินไปลงทุน บ้านจะถูกยึด และต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้ถ้าหากเจอ นพ.บุญ ยังจะเรียกคำนำหน้าว่า “หมอ” หรือไม่ นายหมี ระบุว่าขอไม่เรียกว่าหมอ แต่จะเรียกว่า “ไxxxxบุญ”