ฟิล์ม รัฐภูมิ รับข้อหา พร้อมเปิดใจถึงคดี และปมถูกตัดสัมพันธ์
ฟิล์ม รัฐภูมิ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมเปิดใจด้านคดี รวมถึงปมถูก หนุ่ม กรรชัย ตัดสัมพันธ์ ขณะที่ทนายประมาณ ข้องใจประเด็นที่ถูกตั้งข้อหา
6 ธ.ค. 2567 เวลา 11.00 น. ฟิล์ม รัฐภูมิ พร้อมด้วย ทนายประมาณ เรืองวัฒนะวณิช เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบตามหมายเรียกครั้งที่ 1 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พยายามกรรโชกทรัพย์ ผู้บริหารบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป รวมถึงข้อหา หมิ่นประมาท หนุ่ม กรรชัย
ฟิล์ม รัฐภูมิ กล่าวว่า วันนี้พกความมั่นใจมาเต็มร้อย เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เหมือนกับที่เคยแจ้งตั้งแต่วันแรก ยืนยันคำเดิมไม่มีความกังวลอะไรและใช้ชีวิตปกติ หลังจากเกิดเรื่องก็ไม่ได้เคยติดต่อกับทางคุณหนุ่มกรรชัยเลย โดยวันนี้ได้เตรียมหลักฐานมาเยอะพอสมควร พร้อมย้ำว่า เป็นเรื่องของการทำพีอาร์เหมือนเดิม และรู้สึกเฉยๆกับที่ คุณหนุ่มกรรชัย ประกาศตัดสัมพันธ์ เป็นสิทธิ์ของเขา ตนยืนตามหลักความถูกต้องเสมอ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรอยากจะขอโทษ หนุ่ม กรรชัย เพิ่มเติมหรือไม่ ฟิล์ม รัฐภูมิ กล่าวว่า ขอให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก่อน ทุกอย่างจะได้จบ และขอให้อดทนรอความจริง
ขณะที่ทนายประมาณ เปิดเผยว่า วันนี้พานายรัฐภูมิ มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกในคดีพยายามกรรโชกทรัพย์และหมิ่นประมาท จากการตรวจสอบตามข้อกฎหมายมองว่า ไม่เข้าข่ายความผิดทั้ง 2 คดี
ข้อหาหมิ่นประมาทตนได้ดูข้อความแล้ว ยังไม่พบข้อความใดที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ ไปใส่ความหรือดูหมิ่นทำให้สังคมเกลียดชังหนุ่มกรรชัย
เมื่อถามว่า จะเข้าข่ายความผิดพยายามฉ้อโกงหรือไม่ ทนายประมาณ กล่าวว่า ในส่วนพยายามฉ้อโกง ก็ไม่เข้าหลักเกณฑ์ เนื่องจากการฉ้อโกงจะต้องหลอกลวงและแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และได้ไปทรัพย์สินซึ่งเจตนาทุจริต ก็ต้องมาดูคลิปเสียงว่ามีเจตนาทุจริตตรงไหน
ส่วนที่พนักงานสอบสวน ตั้งข้อกล่าวหาพยายามกรรโชกทรัพย์ เนื่องจากพบว่ามีบางถ้อยคำมีลักษณะข่มขู่ให้จ่ายเงิน 20 ล้านบาท ทนายประมาณมองว่าไม่เข้าเกณฑ์ความผิดทางกฎหมาย มองว่าถ้อยคำอย่างเดียวไม่เพียงพอ และองค์ประกอบยังไม่เข้า จะต้องดูว่าการที่พูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ในวันดังกล่าว ฟิล์ม-รัฐภูมิ จะต้องเดินทางไปที่ประเทศจีน จึงมีการพูดคุยกันในรูปแบบส่วนตัว ทำให้บางถ้อยคำดูเลยเถิดล้ำเส้น แต่ไม่ถึงขนาดเป็นความผิด อาจจะแสดงความสนิทสนมกับคุณหนุ่มกรรชัยมากเกินไป
ส่วนปมเรียกเงิน 20 ล้านบาท จาก บอสปัน บอส ดิไอคอน กรุ๊ป นั้น ฟิล์ม-รัฐภูมิ ได้รับการติดต่อมาจาก น.ส.กฤษณ์อนงค์ จะดำเนินการอย่างไร ฟิล์ม-รัฐภูมิ ไม่ทราบ แต่มีการกล่าวอ้างว่า งบในการพีอาร์ครั้งนี้ที่จะสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรต่างๆอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งนายรัฐภูมิ ก็พูดไปตามข้อมูลที่ได้รับมาจาก น.ส.กฤษอนงค์ อีกที เพียงแต่ว่าการพูดมีลักษณะเหมือนว่า ฟิล์ม-รัฐภูมิ เป็นผู้เสนอ แต่ความเป็นจริงแล้วงบดังกล่าวมีมาก่อนที่ ฟิล์ม-รัฐภูมิ จะรับโทรศัพท์พูดคุยเรื่องนี้
ทนายประมาณ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การที่ ฟิล์ม-รัฐภูมิ พูดคุยผ่านโทรศัพท์ แล้วมีการพูดในลักษณะที่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตัดสินใจว่า สิ่งที่พูดจริงหรือเท็จ หรือมีความเป็นไปได้ขนาดไหน และงบประมาณนี้คุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่ โดยให้เวลาไปคิดและปรึกษาคนอื่นได้ด้วย ซึ่งไม่ใช่การไปคุกคาม ข่มขู่ หรือใช้กำลังประทุษร้าย
ส่วนแนวทางในการต่อสู้คดีเป็นอย่างที่ ฟิล์ม-รัฐภูมิ เคยให้สัมภาษณ์มาก่อนแล้ว หากมีคำถามหรือมีข้อสงสัย เราก็พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด
เมื่อถามว่า พนักงานสอบสวน ตั้งข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินไปหรือไม่ ทนายประมาณ กล่าวว่า ก็เป็นการตั้งข้อกล่าวหาตามดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน แต่เวลาที่รับแจ้งความจากผู้เสียหายในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ ก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเสียก่อนว่า เข้าข่ายความผิดดังกล่าวหรือไม่ หากไม่เข้าก็ไม่ควรที่จะออกหมายเรียก รวมทั้งพนักงานสอบสวนได้ไปขออำนาจศาลออกหมายจับในข้อหานี้ด้วย แต่ศาลพิจารณาดูแล้วว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ เพราะฉะนั้นศาลจึงไม่ออกหมายจับให้และให้ออกหมายเรียกแทน ซึ่งการออกหมายเรียกจะต้องเป็นข้อหาพยายามฉ้อโกง แต่พนักงานสอบสวนก็ยืนยันที่จะออกหมายเรียกในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์
ทั้งนี้ไม่ได้กังวลต่อการตั้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน แต่ขอให้แจ้งก่อนว่า คำให้การของพยานปากอื่นๆเกี่ยวพันกับ ฟิล์ม-รัฐภูมิ อย่างไร และมีข้อเท็จจริงตรงไหน ส่วนจะมั่นใจว่าผิดหรือไม่ อยากให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน แต่ส่วนตัวมองว่า องค์ประกอบยังไม่ครบ และไม่มีเจตนาที่จะทุจริต เช่นเดียวกับคดีหมิ่นประมาท ซึ่ง ฟิล์ม-รัฐภูมิ มีความคุ้นเคยกับ หนุ่ม กรรชัย อยู่แล้ว และตัวของ ฟิล์ม-รัฐภูมิ ได้มีการขอโทษหนุ่มกรรชัยไปแล้ว
“บางทีพูดอาจจะเลยเถิดล้ำเส้นไปบ้าง ก็ขอโทษขอโพยกัน จริงๆหากผมเป็นพี่หนุ่ม กรรชัย ก็ให้อภัยน้องได้” ทนายประมาณ กล่าว
ส่วนการเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ เดิมทีตนเองจะมาตามหมายเรียกก่อนวันนี้ แต่เกรงว่าสื่อจะออกข่าวว่า ฟิล์ม-รัฐภูมิ แอบหรือดอดเข้าพบพนักงานสอบสวน จึงต้องมาให้ตรงกับหมายเรียก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานจากพนักงานสอบสวน บก.ป. ชุดทำคดี ฟิล์ม-รัฐภูมิ ระบุว่า 2 ข้อหาที่จะแจ้งนั้น โดยรวมเป็นคดีเดียวกัน เพราะเป็นพฤติกรรมเดียวกัน หลังจากแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น ก็จะมีการปล่อยตัว และจะนัดหมายมารายงานตัวอีกครั้ง หลังจากนี้อีก 15 วัน
ส่วนที่ ฟิล์ม-รัฐภูมิ กังวลว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรมในข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ ตำรวจชุดทำคดี ระบุว่า จะเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมอยู่ที่คลิปเสียง ซึ่งเป็นพยานหลักฐานและเป็นไปตามข้อเท็จจริง จากพฤติการณ์มองว่า สิ่งที่มีการสนทนาในคลิปเสียงเป็นเรื่องของการข่มขู่ให้จ่ายเงิน 20 ล้านบาท ไม่ได้เป็นการหลอก จึงไม่ได้เข้าข่ายพยายามฉ้อโกง และ มีถ้อยคำบางอย่างมีลักษณะของการข่มขู่ เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวและให้ส่งมอบเงิน 20 ล้านบาท จึงทำให้เข้าข้อหา พยายามกรรโชกทรัพย์
ยืนยันว่า ไม่มีใครกลั่นแกล้ง จะได้รับความเป็นธรรม 100% อย่างแน่นอน ตำรวจกองปราบปรามทำงานมีมาตรฐานและไม่ได้ทำงานตามกระแส แต่ทำงานตามข้อเท็จจริง คดีนี้มีพยานหลักฐานไปถึงแน่นอน