ไร้ปาฏิหาริย์ แม่เปิดใจเสียงสั่นเครือ หลังทารกไหปลาร้าหัก จากโลกนี้ไปแล้ว | คมชัดลึก

7 ธ.ค. 2567 ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.อารีญา (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ตั้งครรภ์ลูกคนแรก และไปทำคลอดที่ โรงพยาบาลบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2567 โดยหลังคลอดเด็กมีอาการตัวเหลืองและหัวใจเต้นผิดปกติ แพทย์จึงให้อยู่ในตู้อบที่ รพ.บุรีรัมย์ ส่วนแม่อนุญาตให้กลับบ้าน แต่ให้แม่มาให้นมลูกที่ รพ. ตลอด

 

ต่อมาวันที่ 2 ธ.ค. 2567 แพทย์แจ้งว่าทารกไหปลาร้าหักบริเวณด้านขวา สร้างความงุนงงให้กับพ่อและแม่ เพราะหลังคลอดลูกอยู่ รพ.ตลอด จากนั้นวันที่ 3 ธ.ค. 2567 หมอแจ้งอีกว่าลูกติดเชื้อรุนแรง ถ่ายเป็นเลือด ก็ยิ่งสร้างความคาใจให้กับครอบครัวมากขึ้น

 

ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค.67 ทาง รพ.ได้ชี้แจงกับญาติถึงสาเหตุที่ทารกไหปลาร้าหักว่า เกิดจากการใช้เครื่องมือช่วยทำคลอด เนื่องจากปากมดลูกเปิดไม่สุดและเด็กตัวใหญ่ไม่สามารถคลอดเองได้ ทาง รพ.จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วยดูดเด็กออก

 

จากนั้นวันที่ (6 ธ.ค.67) ทาง รพ.ได้แจ้งให้พ่อแม่และครอบครัวมาฟังอาการของทารกน้อย ซึ่งรักษาอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤตอีกครั้ง ซึ่งหมอแจ้งว่าน้องมีอาการไตวาย ปัสสาวะไม่ออก หัวใจเต้นช้าลงโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก กระทั่งเวลา 20.00 น. วันเดียวกัน ทารกเคราะห์ร้ายได้เสียชีวิตลง ในวัยเพียง 14 วัน สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับพ่อแม่และครอบครัวเป็นอย่างมาก

 

 

ล่าสุดวันนี้  เจ้าหน้าที่ รพ.บุรีรัมย์ ได้เคลื่อนย้ายร่างไร้วิญญาณของทารกน้อย ออกจากห้องผู้ป่วยวิกฤตไปไว้ในห้องเย็นที่อาคารพักศพแล้ว เพื่อรอส่งไปตรวจชันสูตร ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เนื่องจากญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิต และในวันที่ 9 ธ.ค. 2567 ทาง รพ.บุรีรัมย์ นัดชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตของทารกให้ทางครอบครัวรับทราบ

น.ส.อารีญา แม่ของทารกเคราะห์ร้ายที่เสียชีวิต ซึ่งยังรักษาตัวด้วยอาการติดเชื้อจากการเย็บแผลทางช่องคลอดที่อาคารแม่และเด็ก กล่าวว่า ตนและสามีไม่มีใครทำใจได้ ที่ต้องสูญเสียลูกสาวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่กล้าไปดูแม้ร่างไร้วิญญาณของลูกสาว เพราะรับไม่ได้ และเสียใจมากจนพูดไม่ออก ส่วนตัวคาใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกมาก โดยเฉพาะสาเหตุที่ลูกติดเชื้อในกระแสเลือดจนทำให้เสียชีวิต ทั้งที่คลอดมาสัปดาห์แรกแข็งแรงดี เพิ่งจะมาแจ้งว่าติดเชื้อวันที่ 3 ธ.ค. 2567ส่วนเรื่องการส่งศพไปชันสูตร รวมถึงการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูก ตนให้ย่าเป็นคนตัดสินใจเพราะตัวเองยังต้องรักษาตัวที่ รพ.

 

น.ส.อารีญา ยังพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอด้วยว่า หากชาติหน้ามีจริงขอให้ลูกเกิดมาสมบูรณ์แข็งแรง อย่าได้เจอเหตุการณ์แบบนี้อีกเลย