ศาลสั่งจำคุก 2 รายคดีเสพยาเสพติด ในปาร์ตี้กล้ามปู ส่วนอีก 13 คนปฏิเสธสู้คดี
ศาลพิพากษาจำคุก 2 ราย คดีเสพยาเสพติด ในปาร์ตี้กล้ามปู โรงแรมดังกลางกรุง ส่วนอีก 13 คน ให้การปฏิเสธสู้คดี ก่อนยื่นประกันตัวออกไป 12 คน
จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจสน. ทองหล่อ บุกทลายปาร์ตี้หนุ่มกล้ามปู ภายในโรงแรมหรู ย่านสุขุมวิท 31 ควบคุมตัวนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติ จำนวน 124 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 1.2 กรัม, ยาอี 8.959 กรัม, ยาอี 68.5 เม็ด, ยาเคตามีน จำนวน 54.261 กรัม
9 ธ.ค. 2567 เวลา 13.00 น. ที่ศาลแขวงพระนครใต้ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 4 (ยานนาวา) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายหวัง เชิง โบ อายุ 24 ปี ชาวไต้หวัน เป็นจำเลย ในคดีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ศาลแขวงพระนครใต้ รับเป็นคดีหมายเลขดำ ย 315/ 2567
โจทก์ยื่นฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2567 เวลากลางคืน จำเลยได้มียาอีจำนวน 3 เม็ด เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข น้ำหนักสุทธิเท่าใดไม่ปรากฏชัดไว้ในครอบครองเพื่อเสพ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและจำเลยได้เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาอี ไม่ทราบปริมาณด้วยวิธีการกินยาอีเข้าไปเป็นเม็ด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เจ้าพนักงานจับจำเลย พร้อมยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาอี) ชนิดเม็ดรูปการ์ตูนสีแดงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส แบบเลื่อนเปิด-กดปิด จำนวน 3 เม็ด ที่จำเลยได้ใช้กระทำความผิด โดยมีไว้ครอบครองเพื่อเสพ
จำเลยให้การรับสารภาพตลาดข้อกล่าวหา จำเลยไม่สมัครใจเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ขอให้ศาลลงโทษจำเลย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ศ. 2564 มาตรา 1, 29, 90,134,107 และ164 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 1 พ.ศ.2565 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2565 และบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 1 พ.ศ. 2565 ลำดับที่ 59 กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 ขอให้ศาลริบของกลาง
ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 104, 107, 134, 162 และ 164 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานเสพยาอี จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ฐานมียาเสพติดประเภท 1 (ยาอี)ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 2 เดือน ปรับ 6,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานมียาอี จำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 1 เดือน ปรับ 3,000 บาท รวม จำคุก 2 เดือน ปรับ 5,000 บาท ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภท ริบของกลาง
ทั้งนี้ ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คุมความประพฤติจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง และให้ไปรับการบำบัดอาการติดยาเสพติด ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร
ขณะเดียวกัน พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง4 (ยานนาวา) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องด้วยวาจา นายพันธุ์ธรร อายุ 34 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และเสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน)โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี)ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค 67 เวลากลางคืนจำเลยได้มีคีตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยจำเลยมียาเสพติด คีตามีน 3 ถุง รวมน้ำหนัก 0.37 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำเลยได้เสพคีตามีนจำนวนและปริมาณเท่าใดไม่ปรากฏชัด โดยวิธีการใช้หลอดพลาสติกสูตรดมผงคีตามีนเข้าทางจมูกของจำเลยอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
นอกจากนี้จำเลยยังมียาอี อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 1 เม็ดและ 1 ชิ้น น้ำหนักสุทธิเท่าใดไม่ปรากฏชัดไว้ในครอบครองเพื่อเสพ เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยจำเลยได้เสพยาอีอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ด้วยวิธีการกินยาอีเข้าไปเป็นเม็ด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เจ้าพนักงานจับกุมจำเลย พร้อมยึดของกลางคีตามีนชนิดผงสีขาวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบเลื่อนปิด ดึงเปิดจำนวน 3 ถุง และยาเสพติดประเภท 1 ยาอีชนิดเม็ดรูปสี่เหลี่ยมบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบเลื่อนเปิด กดปิดจำนวน 1 เม็ด ที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดมีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ โดยจำเลยไม่สมัครใจเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดพ.ศ. 2564 มาตรา 1, 29, 30, 90, 104, 107, 134, 162 และ 164 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อวัตถุออกฤทธิ์และประเภท 2 พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2565 และตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุขดังกล่าวชื่อ วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ลำดับที่ 17 กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในการครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567 ข้อ 5 (ข) ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พ.ศ 2565 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2565 และบัญชีท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 พ.ศ 2565 ลำดับที่ 59 กฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพพ.ศ 2567 ข้อ 2 (1) (ช) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 91 และ พ.ร.บ.แก้ไขเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ขอให้ศาลเป็นของกลาง
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 104,107, 162, 164 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานเสพคีตามีน จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 4 เดือน ปรับ 8,000 บาท ฐานเสพยาอี จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 2 เดือน ปรับ 6,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ฐานเสพคีตามีน จำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาทฐานเสพยาอี จำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ จำคุก 1 เดือน ปรับ 3,000 บาท รวมจำคุก 5 เดือน ปรับ 11,000 บาท
ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ห้ามจำอะไรเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภท และ ริบของกลาง ให้คุมประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี กับให้จำเลยทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ยังได้นำตัวผู้ต้องหา 13 คน ที่ให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดีไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน โดยผู้ต้องหา 12 คน ยื่นขอประกันตัวและ ได้รับการประกันตัว ในวงเงิน 350,000 บาท ส่วนอีก 1 คนไม่ได้ยื่นประกันตัว จึงถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป