ข่าว

รรท.ผบช.น. สั่งฟันวินัย-อาญา 7 ตร.จราจร ส่งสำนวน ป.ป.ช. ชี้มูล พ.ร.บ.อุ้มหาย

รรท.ผบช.น. สั่งฟันวินัย-อาญา 7 ตร.จราจร ส่งสำนวน ป.ป.ช. ชี้มูล พ.ร.บ.อุ้มหาย

12 ธ.ค. 2567

"พล.ต.ต.นพศิลป์" เผย พนง.สส. ส่งผลสอบสวน 7 ตร.จราจรตื้บประชาชนผิดตัว ให้ ป.ป.ช. ชี้มูลเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย

จากกรณีนายธนานพ อายุ 33 ปี คนขับรถมาสด้าสีแดง ถูก 7 ตำรวจจราจร สังกัดกองกำกับ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยอ้างเข้าใจผิดว่า นายธนานพ เป็นขับรถแหกด่านตรวจบริเวณซอยประเสริฐมนูกิจ แต่ปรากฏว่าเป็นการจับกุมผิดตัวนั้น 

 

12 ธ.ค. 2567 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้ตรวจสอบอย่างละเอียดไปยังผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 7 นาย ว่า มีการตั้งด่านถูกต้องหรือมีส่วนสั่งการในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาทันที  
 

ล่าสุดทาง บก.จร. ลงนามคำสั่งกองบังคับการตำรวจจราจรที่มีคำสั่งเมื่อ 4 ธ.ค. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรงกับ ร.ต.อ.ทวีพงษ์ อืดทุม กับพวกรวม 7 นาย และมีคำสั่งเมื่อ 6 ธ.ค. ให้ ร.ต.อ.ทวีพงษ์ กับพวกรวม 7 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน

 

สำหรับการดำเนินการทางอาญานั้น พนักงานสอบสวน สน.บางเขน รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญา โดย บก.น.2 มีคำสั่งที่แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อรับผิดชอบทำการสอบสวนคดีดังกล่าว เบื้องต้นมีการสอบปากคำผู้บาดเจ็บ พยานบิดา มารดา และน้องสาว รวม 4 ปาก และสอบปากคำ สว.ผู้ควบคุมจุดตรวจ และ ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ รวม 2 ปาก
 

โดยเมื่อ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ซึ่งตำรวจทั้ง 7 นาย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

 

ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ (พ.ร.บ.อุ้มหาย) ได้มีหนังสือแจ้งพนักงานอัยการ เพื่อทราบและพิจารณาข้อเท็จจริงว่า เป็นความผิดหรือไม่ ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นและส่งสำนวนการสอบสวนไปให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้วเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.67

 

สำหรับการดำเนินคดีกับนายธนายุทธ กรึงไกร ผู้ขับรถยนต์เก๋ง มาสด้า 2 สีแดง ทะเบียน 4 ขฉ 6873 กรุงเทพฯ ที่ฝ่าจุดตรวจในวันเกิดเหตุนั้น ทางศาลแขวงพระนครเหนือ พิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุก ให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี และให้พักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน

 

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการกับผู้บังคับบัญชาของตำรวจ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่า ผู้บังคับบัญชาปล่อยปะละเลยหรือไม่ ส่วนผู้ควบคุมการตั้งจุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติทุกนาย รวมทั้งกรณี ร.ต.อ.ทวีพงษ์ ซึ่งอยู่ระหว่างเข้ารับการอบรมหลักสูตรสารวัตร แต่มาปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในวันเกิดเหตุ ทาง บก.จร. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในส่วนของการตั้งจุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายหรือไม่ รวมถึงมีการร้องเรียนว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย 

ทาง พล.ต.ท.สยาม ได้เรียกตำรวจจราจร ทั้ง 88 สน. และ บก.จร. มากำชับการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งจุดตรวจในพื้นที่ กทม. ให้เป็นไปตามแนวทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด สำหรับ บก.จร. ได้สั่งให้งดการตั้งจุดตรวจทั้งหมดไปก่อน โดยให้กลับไปทบทวนยุทธวิธีในการปฏิบัติให้ถูกต้อง หากผู้ใดพบเห็นให้แจ้งเบาะแสมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาลผ่านศูนย์วิทยุ 191 และได้ทุกช่องทาง ผู้บังคับบัญชาจะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด