ความเป็นแม่ สุนัข โดนยิง ก่อนวิ่งมาให้นมลูก 8 ตัว เป็นครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นลม
สุดเศร้า หมาแม่ลูกอ่อน ถูกคนใจร้ายยิง กระสุนทะลุร่าง ก่อนวิ่งหนีเอาชีวิตรอด มานอนให้นมลูก 8 ตัว จนหมดลมสุดท้าย
19 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ “เณรตุ้ง สิงห์บูล” ได้โพสต์ภาพและคลิปสุนัขพันธ์ุไทยสีขาวซึ่งเป็นแม่หมาลูกอ่อน โดยทางเจ้าของสุนัขแจ้งว่าแม่หมาได้วิ่งมาจากข้างนอกพร้อมกับร่างโชกเลือดจากนั้นได้ล้มตัวลงนอนและให้นมลูกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยมีลูกๆ นอนดูดนมอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าแม่ของได้ตายไปแล้ว
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีการติดต่อไปยังเจ้าของสุนัขทราบชื่อ นางเสน แก้วหนู อายุ 47 ปี (น้าสาว) ซึ่งเหตุเกิดที่ตำบลคลองกวาง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เบื้องต้นแม่หมาลูกอ่อนชื่อ น้องสาร อายุ 13 ปี เป็นสุนัขพันธ์ุไทย เพศเมีย ซึ่งได้คลอดลูกออกมาทั้งหมด 8 ตัว อายุแค่ 1 เดือน
จากนั้นนายสุนัชชา จันทร์นุ่น อายุ 24 ปี (หลานชาย) ก็ได้ถ่ายคลิปวิดีโอจุดที่ฝั่งแม่หมาซึ่งทางจากบ้าน 3 เมตร ส่งมาให้กับผู้สื่อข่าว พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบถาม นายสุนัชชา จันทร์นุ่น อายุ 24 ปี (หลานชาย) ได้เล่าว่า น้าสาวของตนได้เลี้ยงสุนัขมาได้ 13 ปีแล้วและพึ่งคลอดลูกออกมา 8 ตัว ซึ่งอยู่ระหว่างให้นมลูก ซึ่งช่วงก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้(19 ธ.ค.) ช่วงเวลา 9 โมงเช้า แม่หมาได้เดินออกไปข้างนอกตามประสาของมันทุกวันซึ่งบ้านอยู่ติดริมถนน
ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 10 โมงกว่าๆ แม่หมาได้วิ่งกลับมาที่บ้านอย่างรวดเร็วและวิ่งไปซ่อนตัวอยู่ในป่ายางข้างบ้านซึ่งไม่รู้ว่าวิ่งหนีอะไรมา ตอนนั้นยังไม่เห็นมีรอยเลือดบนตัวแม่หมา ต่อมาช่วงเวลาใกล้บ่ายโมง แม่หมาก็เดินมาแบบเซๆ ที่ลูกมันซึ่งนอนข้างบ้านโดยมีเลือดไหลออกมาช่วงสะโพกซ้ายขวาทั้ง 2 ข้าง ตอนนั้นน้าสาวยังไม่รู้ว่าโดนยิง ก่อนที่แม่หมาจะล้มลงนอนให้นมลูกของมัน ต่อมาน้าสาวจึงได้เดินไปดูพบว่าเสียชีวิตแล้วหลังจากนอนให้นมลูกของมัน
พอดูจุดที่เลือดไหลออกมาพบว่า แม่หมาถูกยิงกับปืนลูกกลกกระสุนปืนทะลุจากขวาไปซ้าย ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิงมันและอยากจะบอกว่าคนยิงว่า รู้ไหมว่ามันมีลูกอีก 8 ตัว ที่รอกินนมแม่ของมัน ตอนนี้น้าสาวทำได้แค่เพียงซาวข้าวบดละเอียดคลุกกับปลากระป๋องกินแทนนมแก้ขัดไปก่อน ส่วนนมก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อนมมาดูแลลูกๆ ของมันได้แต่กินนมแพะไปก่อนแต่ไม่เยอะ
ร่วมเสอนชื่อ "คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 21" (18.12.2024 - 09.01.25)
