หนุ่ม 19 ขี่จยย. ถูกวัววิ่งชนล้มสมองตาย บริจาคอวัยวะต่อชีวิตคน แต่คดีเงียบ
หนุ่ม 19 ขี่จยย. ถูกวัววิ่งชนล้มสมองตาย บริจาคอวัยวะต่อชีวิตคน เรื่องคดีกลับมีเงื่อนงำ เจ้าของวัว เอาไปขายทำลายหลักฐาน
25 ธ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีเพจสภากาชาดไทยได้โพสต์พร้อมระบุข้อความว่า "กุศลครั้งสุดท้ายของชีวิต หนุ่ม 19 บริจาคอวัยวะต่อผู้ป่วยอีกหลายชีวิต คุณบุญฤทธิ์ สุริยงค์คต ชาวจังหวัดสุรินทร์ แพทย์ได้วินิจฉัยว่ามีภาวะสมองตาย ทางญาติได้ตัดสินใจแจ้งความประสงค์บริจาค ตับ ไต 2 ข้าง และลิ้นหัวใจ ให้กับสภากาชาดไทย เพื่อเป็นการสร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้ายให้กับคุณบุญฤทธิ์ และต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยที่รอรับการรักษา
สภากาชาดไทยของแสดงความเสียใจกับครอบครัวและขอให้บุญที่ได้ช่วยชีวิตอีกหลายชีวิตขอให้ให้ดวงวิญญาณคุณบุญฤทธิ์ สุริยงค์คต สู่สุขคติในสัมปรายภพเทอญ"
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปที่บ้านของผู้เสียชีวิต ที่ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งทางครอบครัวได้จัดเตรียมดำเนินการงานฌาปนกิจศพของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ดพูดคุยกับทางฝั่งของครอบครัว โดยคุณปู่และคุณงย่าได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวและเศร้าโศกเสียใจต่อการสูญเสียหลานชายอันเป็นที่รักโดยไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งน้องกั๊ก อายุ 19 ปี น้องสูญเสียคุณแม่ตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งคุณพ่อก็เป็นคนพิการ ปู่กับย่า เป็นคนเลี้ยงร้องมา ทราบอีกว่ากั๊ก จะบวชเดือนหน้าแต่สุดท้ายความฝันของคุณปู่คุณย่า จะได้เห็นหลานชายนุ่งเหลืองห่มเหลืองมาฝันสลายสะก่อน
นางสุพรรณ สุริยงค์ อายุ 53 ปี (คุณย่าของผู้เสียชีวิต) เล่าว่า วันที่เกิดเหตุวันที่ 19 ธ.ค.67 เวลา 16.00 น. ตอนนนั้นกั๊กได้นำกับข้าวอาหารไปให้ญาติซึ่งปลูกมันอยู่แถวผามะนาว ตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งในขณะนั้นได้มีวัววิ่งเข้ามาชนรถหลานชายจนประสบอุบัติเหตุ ซึ่งตอนนั้นมีชาวบ้านมาบอกว่าหลานขับรถชนวัว
ทางครอบครัวจึงได้ไปที่เกิดเหตุ พบว่ากั๊กนอนแน่นิ่งและได้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งหมอบอกว่าให้ทำใจเพราะหลานชายอยู่ในสภาวะสมองตาย และได้ปรึกษาพูดคุยกันกับยครอบครัวว่าจะบริจาคอวัยวะต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆ เพราะหลานชายตั้งใจไว้ว่าเดือนหน้าจะบวช จึงได้บริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดไทย เพื่อเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ให้กับหลานชาย ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าของวัวไม่มาดูดำดูดีอะไรเลย และทางเรื่องคดีความก็เงียบจึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งติดตามดำเนินคดีกับทางฝั่งเจ้าของวัวให้ถึงที่สุด
นายบุญยัง สุริยงค์คต อายุ 58 ปี (ปู่ของผู้เสียชีวิต) เล่าว่า ตอนนี้ทางครอบครัวติดใจการเสียชีวิตของน้องเห็นว่า ทางเจ้าของวัวได้นำวัวไปขาย ซึ่งคนรับซื้อแทบจะไม่มีใครกล้าซื้อ แถมยังไม่มาดูดำดูแดง ขนาดจะเผาหลานแล้วยังเงียบ ตนอยากรู้ทำไมตำรวจถึงปล่อยให้เรื่องเงียบจะให้เผ่าศพหลานเสร็จแล้วปล่อยให้เรื่องเงียบแบบนี้ใช่ไม ตนอยากรู้แค่นี้ และเจ้าของวัวกลับบอกว่าไม่ใช่วัวเขา แล้วทำไมถึงได้เอาวัวมาขายถ้าไม่ใช่วัวตัวเอง แถมเอามาขายในหมู่บ้านขายให้คนที่ตนรู้จักอีกด้วยสุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าซื้อ
นางสุพรรณ สุริยงค์ อายุ 53 ปี (คุณย่าของผู้เสียชีวิต) เล่าว่า วันที่เกิดเหตุวันที่ 19 ธ.ค.67 เวลา 16.00 น. ตอนนนั้นกั๊กได้นำกับข้าวอาหารไปให้ญาติซึ่งปลูกมันอยู่แถวผามะนาว ตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งในขณะนั้นได้มีวัววิ่งเข้ามาชนรถหลานชายจนประสบอุบัติเหตุ ซึ่งตอนนั้นมีชาวบ้านมาบอกว่าหลานขับรถชนวัว
ทางครอบครัวจึงได้ไปที่เกิดเหตุ พบว่ากั๊กนอนแน่นิ่งและได้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งหมอบอกว่าให้ทำใจเพราะหลานชายอยู่ในสภาวะสมองตาย และได้ปรึกษาพูดคุยกันกับยครอบครัวว่าจะบริจาคอวัยวะต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆ เพราะหลานชายตั้งใจไว้ว่าเดือนหน้าจะบวช จึงได้บริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดไทย เพื่อเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ให้กับหลานชาย ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าของวัวไม่มาดูดำดูดีอะไรเลย และทางเรื่องคดีความก็เงียบจึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งติดตามดำเนินคดีกับทางฝั่งเจ้าของวัวให้ถึงที่สุด
นายบุญยัง สุริยงค์คต อายุ 58 ปี (ปู่ของผู้เสียชีวิต) เล่าว่า ตอนนี้ทางครอบครัวติดใจการเสียชีวิตของน้องเห็นว่า ทางเจ้าของวัวได้นำวัวไปขาย ซึ่งคนรับซื้อแทบจะไม่มีใครกล้าซื้อ แถมยังไม่มาดูดำดูแดง ขนาดจะเผาหลานแล้วยังเงียบ ตนอยากรู้ทำไมตำรวจถึงปล่อยให้เรื่องเงียบจะให้เผ่าศพหลานเสร็จแล้วปล่อยให้เรื่องเงียบแบบนี้ใช่ไม ตนอยากรู้แค่นี้ และเจ้าของวัวกลับบอกว่าไม่ใช่วัวเขา แล้วทำไมถึงได้เอาวัวมาขายถ้าไม่ใช่วัวตัวเอง แถมเอามาขายในหมู่บ้านขายให้คนที่ตนรู้จักอีกด้วยสุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าซื้อ