มีจริง! คอร์ส “อส.ตร.จีน” ม.ดัง เป็นคนจัด ผบก.น.3 ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง
มีจริง! คอร์สอบรมอาสาตำรวจคนจีน ม.เอกชนชื่อดัง เป็นคนจัด ตำรวจแค่ไปบรรยาย จบออกมาคล้ายตำรวจบ้าน ด้าน ผบก.น.3 สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง
2 ม.ค. 2568 จากกรณีทวิตเตอร์ Sasinan Thamnithinan (JAM) ของ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ได้โพสต์ภาพการรับมอบประกาศนียบัตรจากชายแต่งชุดคล้ายตำรวจ พร้อมตารางหลักสูตร ระบุว่า “ตำรวจท่านนึงส่งมาให้ น่าสนใจค่ะว่า การอบรมอาสาตำรวจคนจีน มีค่าอบรมคนละ 38,000 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทำได้หรือไม่อย่างไร? และค่าแรกเข้าอบรมนี้เป็นรายได้เข้าส่วนไหน? ค่าใช้จ่าย จัดอบรมใช้งบประมาณส่วนใด? มีการใช้เครื่องหมายตำรวจตราแผ่นดิน ออกบัตรได้หรือไม่
รวมทั้งแสดงตารางรายละเอียดการอบรมทั้ง 3 วัน วันที่ 25-27 ธ.ค.67 ในการอบรมมีทั้งการบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายไทย เรียนรู้การใช้รหัสวิทยุสื่อสารโดยนายตำรวจ ฝึกยิงปืน ดูการปฏิบัติหน้าที่ที่สถานีตำรวจ และมีพิธีรับประกาศนียบัตรจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดเลี้ยงฉลอง พร้อมทั้งรับหมวก เสื้อยืด เสื้อกั๊กตำรวจ เสื้อสะท้อนแสง ใบรับรองและบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ (มีอายุ 2 ปี)"
เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า จัดอบรมรุ่น 1 มีผู้เข้าร่วมหลาย 10 คน ที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในกทม.ย่านฝั่งธนบุรี โดยมีตำรวจระดับ ผกก.และ รองผกก. สังกัดกองสืบสวนสอบสวนนครบาล ร่วมเป็นวิทยากร
ล่าสุด เวลา 13.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีรายงานว่า บก.น.3 ได้รายงานชี้แจง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชน กรณีมีการจัดอบรมนักศึกษาชาวจีน เพื่อเป็นอาสาสมัครตำรวจนั้น บก.น.3 ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ปรากฏรายละเอียด ดังนี้
1. ผกก.สส.บก.น.3 รายงานว่า มหาวิทยาลัยเอกชนดังกล่าว ได้จัดอบรมหลักสูตรแจ้งข่าวอาชญากรรม และให้ความรู้ในการป้องกันตัวเองแก่นักศึกษาต่างชาติ โดยมหาวิทยาลัยเป็นผู้ดำเนินการจัดอบรม และขอความร่วมมือจาก กก.สส.บก.น.3 เป็นที่ปรึกษา แนะนำให้ความรู้ ผกก.สส.บก.น.3 เห็นว่าเป็นประโยชน์ จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ รอง ผกก.สส.บก.น.3 เป็นผู้ประสานงาน โดยมหาวิทยาลัยสยามเป็นผู้จัดการอบรม ใช้งบประมาณ และสถานที่ตามที่มหาวิทยาลัยสยามกำหนด
2. จากการตรวจสอบทราบว่า มหาวิทยาลัยเอกชนดังกล่าว ได้มีหนังสือ ที่ 13DECC2567CHI1ac1 ลงวันที่ 13 ธ.ค.67 โดยมี Dr.LI ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ เป็นผู้ลงนาม ถึง ผกก.สส.บก.น.3 จัดทำโครงการฝึกอบรมนักศึกษานานาชาติ จำนวน 30 คน และขอความอนุเคราะห์จัดวิทยากรพิเศษบรรยาย โดยมี พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ รอง ผกก.สส.บก.น.3 เป็นผู้ประสานงานและผู้ร่วมพัฒนาร่างโครงการ
ซึ่งโครงการดังกล่าวมหาวิทยาลัยเป็นผู้จัดอบรมและออกค่าใช้จ่าย และมีการออกใบประกาศเกียรติคุณ ลงวันที่ 27 ธ.ค.67 ให้แก่ผู้ผ่านการอบรม ว่าได้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นสมาชิกแจ้งเหตุ ข่าวอาชญากรรม และการจราจร ด้านการมีส่วนร่วมของนักศึกษาและประชาชน ลงนามโดย Dr.LI ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ และ ผกก.สส.บก.น.3
3. ตามระเบียบ ตร. ว่าด้วยการส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่นและองค์กรมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ.2551 ผู้ที่จะเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน หรือ อาสาจราจร ต้องผ่านการคัดเลือกจากสถานีตำรวจและสถานีตำรวจเป็นผู้จัดทำโครงการฝึกอบรม โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกจากผู้มีสัญชาติไทยและอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือชาวต่างชาติที่สมรสกับคนไทยและมีถิ่นที่อยู่อาศัยอันเป็นปกติในเขตพื้นที่สถานีตำรวจ ต้องมีการรับรองจากบุคคลที่เชื่อถือได้ หรือตำรวจรวม 3 คน ปฏิบัติหน้าที่ได้คราวละ 2 ปี ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการจัดกิจกรรมของมหาวิทยาลัยสยาม กก.สส.บก.น.3 ไม่ได้เป็นผู้จัดอบรมแต่อย่างใด
4. สำหรับการใช้เครื่องหมายราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้ทำการตรวจสอบว่าได้รับอนุญาตให้ใช้หรือไม่ อย่างไร อีกส่วนหนึ่ง
และ 5. เบื้องต้น ผบก.น.3 ได้มีคำสั่ง บก.น.3 ที่ 1/2568 ลง 2 ม.ค.68 แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมี พ.ต.อ.สุทธิศักดิ์ วันที รอง ผบก.น.3 เป็นประธาน หากพบว่ามีการกระทำผิดวินัย จะได้ดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.นิเวชร์ งามลาภ ผกก.สส.บก.น.3 ที่มีชื่อปรากฎเซ็นชื่อลงในใบรับรองประกาศนียบัตรให้ผู้ที่ผ่านการอบรม เปิดเผยว่า มีการอบรมดังกล่าวจริง ผู้อบรมเป็นนักศึกษานานาชาติของมหาวิทยาลัยสยาม โดยเป็นนักศึกษาชาวจีนต้องการเรียนรู้กฎหมายไทย ตำรวจทำหน้าที่เป็นวิทยากรและอบรมการใช้วิทยุสื่อสาร ส่วนเงินค่าอบรม 38,000 บาท ไม่รู้เรื่องว่าเก็บค่าอะไร ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการ แต่น่าจะมีค่าใช้จ่ายเพราะเอกชนดำเนินการ
ส่วนกรณีที่มีการแจกเสื้อกั๊ก ป้ายตราสัญญาลักษณ์ตำรวจ บัตรประจำตัว พ.ต.อ.นิเวชร์ กล่าวว่า เป็นเหมือนกับแจ้งข่าวอาชญากรรม สมาชิกตำรวจบ้าน ผ่านการอบรมแล้วมหาวิทยาลัยดำเนินการขอความร่วมมือสนับสนุน และออกโดยตำรวจเพราะผ่านการอบรม สังกัดอยู่ บก.น.3 เขาจัดโครงการขึ้นมาให้เราไปร่วมบรรยาย มีทนายความ ฝ่ายกฎหมายของอาจารย์ทางมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้ให้ทำงานอบรมให้เขารู้ว่า อยู่ในไทยเจอเหตุ จีนเทา หรือมีอาชญากรรมสามารถแจ้งเบาะแสได้