สุดเศร้า รับ 7 ร่าง กระบะชนต้นไม้ ลูก เล่า แม่โทรหาตอนเช้า แต่ไม่ใช่เสียงแม่
น้ำตาท่วมวัด รับ 7 ร่าง ผู้เสียชีวิต กระบะชนต้นไม้ ลูกชายเล่านาทีเศร้า เบอร์แม่โทรหาตอนเช้า แต่พอรับสาย กลับไม่ใช่เสียงแม่
3 ม.ค. 2568 จากกรณีเมื่อเวลา 07.11 น. วันที่ 2 ม.ค.68 เกิดอุบัติเหตุสลด รถกระบะโตโยต้า ไฮลักษ์ ตอนครึ่ง สีเทาดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ร่องกลางถนนสาย 41 บริเวณหน้าขนส่งไชยา ขาล่องใต้ กม.124 + 500 หมู่ที่ 4 ตำบลป่าเว อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี มีผู้เสียชีวิตทั้งคัน 7 ศพ ประกอบด้วย 1.นายชูชีพ ใจเที่ยงธรรม อายุ 21 ปี คนขับรถ 2.นางนิตยา เกิดชาตรี อายุ 70 ปี เป็นยายของคนขับ 3.นายศุภชัย บุญทัน อายุ 25 ปี เป็นหลานของนางนิตยา 4.นางศรีสุนันท์ พินันชัย อายุ 72 ปี ทั้ง 3 ศพเป็นเครือญาติกัน บ้านอยู่ตำบลดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร 5. นางสาวปภาวดี ศิลาทอง อายุ 27 ปี 6. เด็กชายกิตตเมฆ ศิลาทอง อายุ 2 ขวบ 7. เด็กชายกิตตมุก ศิลาทอง อายุ 2 ขวบ เด็กชายทั้ง 2 คนเป็นฝาแฝดลูกชายของนางสาวปภาวดี
ต่อมา เมื่อเวลา 19.10 น.วันที่ 2 ม.ค.67 รถกู้ชีพมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ 3 คัน ได้นำศพ น.ส.ปภาวดี ศิลาทอง เด็กชายกิตตเมฆ ศิลาทอง และเด็กชายกิตตมุก ศิลาทอง ลูกฝาแฝดพร้อมกับแม่ มาทำบุญที่วัดท่ายางเหนือ ตำบลท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร ส่วนศพของนายชูชีพ ใจเที่ยงธรรม อายุ 21 ปี คนขับรถซึ่งเป็นสามีใหม่ของ นางสาวปภาวดี ศิลาทอง ที่อยู่กินกันได้กว่า 1 ปี และเป็นพ่อเลี้ยงของลูกฝาแฝดพร้อมยายและญาติรวม 4 ศพ ได้นำศพแยกไปบำเพ็ญกุศพที่วัด ดอนยาง ตำบลดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร
สำหรับบรรยากาศช่วงค่ำที่วัดท่ายางเหนือ เมื่อรถกู้ชีพกู้ภัยได้นำศพทั้ง 3 แม่ลูกมาถึง โดยมี นายอำพัน มากอำไพ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่ายาง ซึ่งเป็นลุงได้นั่งรถกู้ชีพเทศบาลตำบลท่ายาง ไปรับศพหลานและลูกฝาแฝดด้วยตนเอง กลับมาทำบุญที่วัดดังกล่าว ท่ามกลางญาติพี่น้องร่ำไห้กันระงมไปทั้งวัด บางคนถึงร่ำไห้จนแทบเป็นลมญาติๆต้องช่วยกันนำยาลมมาให้ดมและพยุงพาไปนั่งสงบสติอารมณ์เพื่อให้คลายความเศร้าโศกเสียใจ เนื่องจากเด็กชายฝาแฝดวัย 2 ขวบทั้ง 2 คน กำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าชัง และเป็นที่รักของญาติๆและเพื่อนบ้าน โดยศพของเด็กชายพี่น้องคู่แฝดทั้ง 2 ศพ บรรจุในโลงสีทองโลงเดียวกัน ส่วนผู้เป็นแม่บรรจุในโลงสีเงิน ตั้งอยู่เคียงข่งกันในศาลาวัดดังกล่าว
นายอำพัน มากอำไพ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่ายาง กล่าวว่าตนได้ไปรับผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ศพ กลับมาชุมพร ซึ่งเป็นคนอำเภอปะทิว 4 ศพ และเป็นคนตำบลท่ายาง 3 ศพ สำหรับ 3 ศพที่แยกมาทำบุญที่วัดท่ายางเหนือนั้นตนเป็นญาติมีศักดิ์เป็นลุงของนางสาวปภาวดี และลูกฝาแฝดทั้งสอง โดยทั้งหมดนั้น นายชูชีพ ใจเที่ยงธรรม คนขับได้พาญาติๆทั้งหมดของฝ่ายชายที่อยู่อำเภอปะทิว และหลานตนพร้อมลูกฝาแฝดไปเยี่ยมญาติในช่วงเทศกาลปีใหญ่ที่ จ.นครศรีธรรมราช และได้เกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางไปดังกล่าว
ด้ายนายสิทธิชัย สร้อยสังวาล เจ้าหน้าที่รถกู้ชีพกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ กล่าวว่าได้นำรถทั้งหมด 7 คัน ไปรับศพทั้ง 7 ศพ มาจากมูลนิธิกุศลศรัทธาสงเคราะห์สุราษฎร์ธานี หลังทำการแต่งศพเสร็จประมาณ 4 โมงเย็น จากนั้นได้นำศพทั้ง 7 ศพ ไปจุดธูปเทียนเชิญดวงวิญญาณ ณ จุดเกิดเหตุกลับมายังบ้านเกิดด้วย จนมาถึง จ.ชุมพร ช่วงค่ำแล้วแยกพาไปทำบุญที่วัดดอนยางอำเภอปะทิว 4 ศพ และมาทำบุญที่วัดท่ายาง อ.เมืองชุมพร 3 ศพ
ขณะที่ นางสาวเมลินี ศิลาทอง อายุ 35 ปี (ไม่พร้อมให้ถ่ายภาพ) พี่สาวของนางสาวปภาวดีที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจให้ข้อมูลว่า น้องสาวตนมีลูก 3 คน ลูกคนโตเป็นผู้หญิง อายุ 6 ขวบ กับลูกชายฝาแฝดอายุ 2 ขวบ ก่อนเกิดเหตุทั้ง 3 แม่ลูก สามีใหม่คนขับที่เสียชีวิต ได้พากันไปเที่ยวที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่เช้า แล้วช่วงเย็นกลับมางานเลี้ยงฉลองปีใหม่และจับรางวัลของขวัญกันในหมู่ญาติที่บ้านในตำบลท่ายาง อ.เมืองชุมพร หลังเสร็จงานฉลองปีใหม่ประมาณเที่ยงคืน น้องสาวบอกกับตนว่าตอนเช้าตนเองกับสามีและญาติสามีจะไปเยี่ยมญาติที่ จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอน
นางสาวเมลินีพี่สาวบอกต่อว่า ตอนเช้ามีเพื่อนบ้านและญาติๆมาบอกตนและแม่ว่ามีข่าวทางสื่อออนไลน์ว่ารถกระบะน้องเขยตนไปประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกับน้องสาวและหลานฝาแฝด ตนและแม่ไม่เชื่อยังตอบกลับไปว่าน้องสาวตนยังนอนอยู่ในห้องกับลูกฝาแฝด เมื่อตรวจสอบปรากฏว่าทั้งหมดเดินทางออกจากบ้านที่ตำบลท่ายางไปรับญาติสามีที่ อำเภอปะทิว ตั้งแต่ตอนตี 3 แล้ว โดยพาลูกชายฝาแฝดไปด้วย ส่วนลูกสาวคนโตวัย 6 ขวบ ไม่ได้พาไปด้วยแต่นำไปฝากญาติไว้ ทำให้ทุกคนตกใจร่ำไห้กันหมด
นางสาวเมลินีบอกว่า น้องสาวตนกับสามีรักกันมาก โดยสามีของน้องตนตั้งใจจะบวชพระในปีนี้ ซึ่งน้องสาวตนได้เตรียมห่อเหรียญกำพรึกไว้โปรยทานในงานบวชสามีไว้แล้วด้วย แต่ก็มาเกิดเหตุสูญเสียชีวิตไปทั้งคู่เสียก่อน
ส่วนอีกบรรยากาศเมื่อเวลา 19.40 น.วันที่ 2 ม.ค.68 ซึ่งใช้เป็นสถานที่ทำบุญอีก 4 ศพ ซึ่งเป็นเครือญาติกัน ที่แยกมาทำบุญที่วัดดอนยาง หมู่ 3 ตำบลดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีบรรดาญาติและเพื่อนบ้าน กว่า 300 คน ซึ่งมารอรับศพ รถพยาบาลฯ จำนวน 4 คัน ซึ่งบรรทุกศพของ นางนิตยา เกิดชาตรี นางศรีสุนันท์ พินันชัย นายศุภชัย บุญทัน และศพของ นายชูชีพ ใจเที่ยงธรรม (สามีใหม่นางสาวปภาวดี ศิลาทอง)ได้เดินทางมาถึงยังศาลาเอนกประสงค์ของวัดดอนยาง ที่ได้จัดเตรียมไว้เป็นสถานที่ตั้งศพทั้ง 4 ราย และเมื่อเจ้าหน้าที่ประจำรถ ได้ทำการเปิดประตูและนำศพทั้ง 4 ราย ซึ่งบรรจุอยู่ในโลงออกมาเพื่อเรียงบนเตียง เพื่อทำพิธีรดน้ำศพตามประเพณีเพื่อไว้อาลัยและขออโหสิกรรมต่อกัน ทุกคนต่างโผล่เข้าไปที่รถพร้อมร้องไห้ระงมลั่นศาลา บางคนถึงกับเป็นลมล้มพับ ช่างเป็นภาพที่แสนหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกคนในพื้นที่ให้ความรักและเคารพในตัวของนางนิตยา เกิดชาตรี และนางศรีสุนันท์ พินันชัย ผู้สูงวัยทั้งสองคนเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ทางนายสาธิต เกิดชาตรี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ม.3 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นลูกชายของนางนิตยา เกิดชาตรี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้เดินทางไปกับแม่และญาติที่เสียชีวิตในครั้งด้วย แต่ตนเองนั้นได้ขับรถยนต์เก๋งไปอีกคัน โดยรถของตนนั้นไปกัน 4 คน ส่วนรถกระบะนั้นไปกัน 7 คน ซึ่งมีแม่ตนเองนั่งไปด้วย และมีนายชูชีพ ใจเที่ยงธรรม ซึ่งศักดิ์ เป็นหลานของตน เป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุไป
นายสาธิต กล่าวว่าพวกตนเดินทางออกจากบ้านเมื่อเวลาประมาณตี 3 เศษ และเมื่อออกเดินไปด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ซึ่งตนเองเป็นรถนำหน้า และรถกระบะขับตามติดกันมา จนกระทั่งเมื่อมาถึงปั๊มน้ำแห่งหนึ่งก่อนถึงสี่แยกเขาปีป อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งหากนับระยะทางจากบ้านมาตรงนี้ ประมาณ 100 กม.เศษ และเมื่อทำธุระกันเป็นที่เรียบร้อย ต่างคนก็ขึ้นรถพร้อมเดินทาง โดยตนก็ขับนำเช่นเดิม แต่เมื่อขับไปได้ระยะหนึ่ง ก็ไม่พบรถกระบะตามหลังมาติดๆ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก จึงได้ขับต่อไป
นายสาธิต กล่าวต่อว่า ต่อมาทางนางนิตยา แม่ ได้โทรศัพท์มาที่ตนพร้อมบอกว่า นายชูชีพ ง่วงนอน ขอจอดนอนข้างทางก่อน ซึ่งตนก็รับทราบและขับต่อไปเรื่อย ๆ และไม่ได้ขับเร็วแต่อย่างใด เพราะต้องขับรอๆกันไปอย่างไม่รีบร้อน จนกระทั่งประมาณ 8 โมง โทรศัพท์ดังขึ้นมาเมื่อตนเองรับก็เห็นเป็นเบอร์โทรของแม่ ได้โทรมา แต่พอรับสายกลับไม่ใช่เสียงแม่ แต่เป็นเสียงของผู้ชายและพูดมาในสาย ถามตนว่าเป็นอะไรกับเจ้าของโทรศัพท์ ซึ่งตนก็บอกว่าเป็นลูกชาย และทางปลายสายก็บอกมาอกีว่า รถยนต์ที่แม่นั่งเกิดอุบัติเหตุ ขณะนี้นำส่ง รพ.แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าหนักแค่ไหน ตนจึงได้กลับรถมาดูก็พบว่าแม่และญาติเสียชีวิตหมดแล้ว
ตนเองคิดว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้ง น่าจะมาจากหลับใน เพราะก่อนหน้านี้ (1/1/68) ทางนายชูชีพ ได้ขับรถไปทำธุระที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และได้กลับมาช่วงพบค่ำของวันนั้นเลย โดยนายชูชีพต้องตื่นประมาณ ตี 1 เพื่อขับรถจากบ้านพักในตัวเมืองชุมพร เพื่อมารับทุกคนซึ่งคอยอยู่ที่บ้านใน ต.ดอนยาง อ.ปะทิว ซึ่งมีระยะทางประมาณ 60 กม.แล้วก็ต้องเดินทางต่อเมื่อเวลา ตี 3 เศษ เพื่อเดินทางไป จ.นครศรีธรรมราช และเชื่อว่าเกิดอาการง่วง เพราะพักผ่อนน้อย แต่พยายามฝืน จนส่งผลให้วูบหลักในจนรถเสียหลักชนต้นไม้และทำให้ทุกคนที่โดยสารกันมาเสียชีวิตดังกล่าว