"จ่าเอ็ม" เปิดปากครั้งแรก รับสารภาพทุกข้อหา ลั่น! กล้าทำกล้ารับ | คมชัดลึก

11 ม.ค. 2568 พล.ต.อ.ซอ เทศ ผบ.ตร.กัมพูชา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา ได้นำตัว นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ "จ่าเอ็ม" ผู้ต้องหายิง "ลิม กิมยา" อดีต สส.กัมพูชา มาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาดิน-พนมได ชายแดนไทยกัมพูชา ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว โดยมี พล.ต.ท. สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และชุดสืบสวนนครบาล ร่วมรับมอบตัว

ระหว่างรับมอบตัว พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. หรือ "สารวัตรแจ๊ะ" ได้อ่านหมายจับและข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหารับทราบ จากนั้นผู้การฯ จ๋อ ได้สอบถามว่าจะรับสารภาพหรือให้การปฏิเสธ จ่าเอ็ม ตอบกลับว่า "รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ทำผิดผมยอมรับผิด ผมกล้าทำกล้ารับ" 

ต่อมาเวลา 13.10 น. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. เดินทางมาถึงที่กองบินตำรวจ และเรียกฝ่ายสืบสวนสอบสวนทำการประชุมเตรียมความพร้อม ในการควบคุมตัวเคลื่อนย้ายจ่าเอ็ม หลังจากลงเฮลิคอปเตอร์ โดยการประชุมครั้งนี้ ได้มีการเน้นย้ำกำชับไปยังที่หน่วยอรินทราช 26 ในฐานะเป็นกองกำลังที่จะรักษาความปลอดภัยตัวผู้ต้องหา และมีการซักซ้อมเตรียมแผนการเพื่อทำความเข้าใจ ในการที่จะส่งมอบตัวให้กับพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม

ต่อมาเวลา 13.43 น. ตำรวจคุมตัวจ่าเอ็ม มาถึงกองบินตำรวจ โดยผู้ต้องหาสวมเสื้อยืดสีขาว และเสื้อเกราะกันกระสุน กางเกงสีน้ำตาล หมวกสีขาวพร้อมสวมแมสก์ ก่อนถูกคุมตัวขึ้นรถตู้ฮุนไดสีขาว มีรถคุ้มกันของหน่วยอรินทราช 26 ทั้งหน้าและหลัง พร้อมกำลังพลของหน่วยอรินทราชพร้อมอาวุธครบมืออีกหลายนายคอยดูแลความเรียบร้อย

พล.ต.ท.สมประสงค์ เปิดเผยว่า จากการซักถามเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง“ ซึ่งในรายละเอียดต่างๆ ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรชัดเจน ตนมีหน้าที่ไปรับตัวผู้ต้องหา เพื่อนำมาส่งต่อให้กับทาง พล.ต.ท.สยาม นำไปสอบสวนต่อ

สำหรับประเด็นอื่นเรื่องของคนสั่งการหรือไม่ หลบหนีไปยังประเทศกัมพูชามีได้อย่างไร และเรื่องเส้นเงิน 60,000 บาท ที่เข้ามายังบัญชีตัวผู้ร้าย รวมไปถึงสาเหตุจูงใจ ยังไม่ทราบรายละเอียด เนื่องจากว่าในวันนี้เพียงแค่ไปรับตัวมา

ด้าน พล.ต.ท.สยาม กล่าวว่า สำหรับการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น จะต้องสอบปากคำตัวผู้ต้องหาและขยายผลเพิ่มเติมก่อนว่ามีผู้ใดบ้าง หากพบว่ามีผู้ใดที่เกี่ยวข้องก็จะมีการดำเนินคดีอย่างแน่นอน ทั้งตัวน้องสาว และตัวคนชี้เป้า ส่วนข้อมูลของคนชี้เป้า ยังไม่สามารถเปิดเผยได้