ใครผิด? แท็กซี่งง โดนผู้โดยสารบิด ค่าโดยสาร บอกเคยมาอีกราคา ก่อนโยนเงินให้
ผิดที่ใคร? แท็กซี่งง เจอผู้โดยสาร ไม่ยอมจ่ายค่าโดยสารเต็มราคา หลังกดมิเตอร์ 2 ครั้ง ผู้โดยสารโต้ เคยมาอีกราคา
15 ม.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุจากคนขับแท็กซี่ ถูกผู้โดยสารไม่ยอมจ่ายค่าแท็กซี่ หลบอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ม 1 ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเดินทางมาตรวจสอบ พบรถแท็กซี่ สีเขียว- เหลือง ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่หน้าบ้านรั้วบ้านเป็นรั้วเหล็กปิดอย่างมิดชิดมองไม่เห็นภายในบ้าน
นายอชิษพงค์ อายุ 43 ปี คนขับแท็กซี่ ยืนรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ให้ข้อมูลว่ามีชายว่าจ้างมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ กดมิเตอร์มาไม่ได้จ้างเหมา พอมาส่งถึงหน้าบ้านแจ้งราคาตามมิเตอร์ 1,374 บาทชายคนดังกล่าวโวยวายหาว่าตนเองโกงราคามิเตอร์จะจ่ายแค่ 1,100 บาท พร้อมกับเปิดประตูบ้านแล้วหลบเข้าไปภายในบ้าน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเจรจา
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.นครหลวง ได้แสดงตัวพร้อมกับตะดกนเรียกให้ชายคนดังกล่าวอกมาพูดคุยเจรจา ชายคนดังกล่าวไม่ยอมออกมาพูดคุย อ้างว่าหากุญแจรั้วบ้านไม่เจอ โผล่มาเฉพาะศีรษะเหนือรั้วบ้านเท่านั้น บอกว่าเคยใช้บริการแท๊กซี่มาในราค 700-800 เท่านั้น แท็กซี่คันนี้กดมิเตอร์เกินราคาเป็นจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเจรจรา ชายคนดังกล่าวไม่ยอมพร้อมกับโยน เงินจำนวน 1,100 ออกมานอกรั้ว จ่ายเท่านี้ถ้าคนขับแท็กซี่ไม่เอาให้เอาเงินไว้ที่โรงพัก จากนั้นเดินเข้าบ้านไปทำให้คนขับแท็กซี่สุดงงกับพฤติกรรมของลูกค้าคนดังกล่าวซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงแนะนำให้คนขับแท็กซี่ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สภ. นครหลวง
ด้าน นายอชิษพงค์ อายุ 43 ปี คนขับแท็กซี่ เล่าว่า ช่วงเวลา ประมาณ 03.00 น. ผู้โดยสาร คนดังกล่าว อายุระหว่าง 55-60 ปี แต่งตัวดูดี มีฐานะ ว่าจ้าง รถแท็กซี่ จากสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อมาส่งภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเป็นการกดมิเตอร์ตามระยะทาง ซึ่งตลอดเวลาระยะทางที่ผู้โดยสารนั่งมาในรถแท็กซี่ ก็สูบบุหรี่ในรถตลอดเวลา ซึ่งตนเองยอมให้สูบบุหรี่โดยเปิดกระจกรถมาตลอดทางจนมาถึงหน้าบ้านผู้โดยสาร
ช่วงเวลาประมาณ 05.30 น. ตนเองจึงแจ้งค่าแท็กซี่ตามมิเตอร์ตามตริง ซึ่งมิเตอร์ยอดแรกที่ขึ้น 929 บาท เนื่องจากตนเองจอดเติมแก๊สแอลพีจีบริเวณแถวอำเภอวังน้อย เติมแก๊สเสร็จจึงกดมิเตอร์ เดินทางต่อ จนมาถึงบ้านของชายคนดังกล่าว ยอดที่สอง 445 บาท รวม 1,374 บาท และตนเองคิดแค่ 1,300 บาท แต่ผู้โดยสารคนดังกล่าวไม่ยอมจ่ายและเดินเข้าบ้านจากนั้นปิดประตูรั้วพร้อมตะโกนออกมาว่าจะจ่ายเพียง 1,100 บาทเท่านั้น ตนเองก็พยายามอธิบายว่าค่ามิเตอร์โดยสารขึ้นตามจริงผู้โดยสารต้องจ่าย แต่ผู้โดยสารไม่ยอมจ่ายตนเองจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มาช่วยเจรจาชายคนดังกล่าวยังไม่ยอม จะจ่ายแค่ 1,100 บาท แล้วก็โยนเงินออกมาก
ตนเองมองว่า ผู้โดยสารคนดังกล่าวเป็นคนหัวหมอตั้งใจจะโกงค่าแท็กซี่อยู่แล้วซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็แนะนำให้ตนเองไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สภ. นครหลวงเพราะไม่สามารถทำอะไรผู้โดยสารคนดังกล่าวได้ตนเองจึงยอมรับเงินแค่ 1,100 บาท ไม่อยากเสียเวลา ไปมากกว่านี้แล้ว ต้องรีบนำรถไปคืนอู่หากไปคืนไม่ตรงเวลาก็จะต้องเสียเงินเพิ่มตนเองก็ยอมเสียเงิน 200 บาทถือว่าเป็นการทำบุญก็แล้วกัน