ตร. เร่งขอหมายแดงล่าตัว "สมหวัง" คนจ้างวาน พบออกจากไทย 1 วัน หลังก่อเหตุ
ตร. เร่งขอหมายแดงล่าตัว "สมหวัง" คนจ้างวานสังหาร "ลืม กิมยา" พบข้อมูล เข้า-ออก ไทยช่วงก่อเหตุ เบื้องต้น "จ่าเอ็ม" บอกโกรธแค้นเรื่องส่วนตัว
ความคืบหน้าการออกหมายจับ ลี รัตนรัศมี (Ratanakraksmey Ly ) หรือชื่อในประเทศไทย คือ นายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ผู้จ้างวาน นายเอกลักษณ์ หรือ จ่าเอ็ม ก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา เสียชีวิต
15 ม.ค. 2568 ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา เปิดเผยว่า พฤติการณ์ของ นายสมหวัง พอจะกล่าวว่า เป็นผู้สั่งการและผู้จ้างวาน โดยมีหลักฐานการสั่งการและหลักฐานการโอนเงินค่าจ้างวานมาถึงจ่าเอ็มผู้ต้องหา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องส่วนตัวหรือธุรกิจนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ตัวนายสมหวังเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย แต่จากการประมวลผล นายเอ็มช่วงหลังเริ่มให้การเป็นประโยชน์มากขึ้นว่า นายสมหวังมีสาเหตุโกรธแค้นกับคนตายดังกล่าวเรื่องส่วนตัว จึงขอให้นายเอ็มจัดการให้
ส่วนเรื่องขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไรนั้น จากการเข้าไปสอบปากคำเพิ่มยืนยันว่า เขาพูดเพียงแค่นี้ ส่วนเป็นความขัดแย้งจากนายสมหวังเป็นนักการเมืองหรือไม่ จ่าเอ็มไม่ทราบกรณีดังกล่าว และ ไม่รู้ว่าคนตายมีภูมิหลังอย่างไร รู้เพียงแค่ตำหนิรูปพรรณ ใส่กางเกงสามส่วนเสื้อสีขาว โดยคนชี้เป้าแจ้งมา นั่งอยู่หน้ารถสะพายเป้ เมื่อมาถึงตามรูปที่ส่งมา พอเจอก็ยิงทันที จากการสอบสวนนายเอ็มรับสารภาพคนเดียว ทางพนักงานสอบสวนไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร
เมื่อถามว่าที่ยิงในประเทศไทย ทั้งที่เป็นเรื่องขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวว่า เรายังไม่ทราบเพราะยังไม่ได้นายสมหวังมา กรณีของหมายจับที่ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมหมายจับออกเพราะว่า เรามีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า เขาเป็นผู้จ้างวานและผู้สั่งการ ส่วนเงินจ้างวาน 60,000 บาทนั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนมีหลักฐานเสนอต่อศาลอาญาออกหมายจับให้
จากการตรวจสอบการเดินทางของนายสมหวัง ล่าสุดเข้าประเทศมาตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา เวลา 22.00 น.เศษ อยู่ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เหตุเกิดวันที่ 7 ม.ค. และเดินทางออกนอกประเทศไปในเช้าวันที่ 8 ม.ค. ออกไปประเทศเพื่อนบ้านช่องทางปกติ แต่มีการเข้าออกในประเทศใน 2 ปีกว่า 100 ครั้ง อยู่ระหว่างประสานหมายแดงกับทางกองการต่างประเทศ ส่วนมีการสั่งการในประเทศไทยหรือไม่นั้น "ถูกต้องครับ"
ส่วนประเด็นนายสมหวังเป็นนักการเมืองหรือไม่ ยังไม่ทราบ ทราบแต่ว่าใช้ชื่อว่า ลี เท่านั้น ตามพาสปอร์ต ชื่อ สมหัวง เป็นชื่อใช้ตอนอยู่เมืองไทย ไม่มีชื่อปรากฎอยู่ในทะเบียนราษฎร์ คนแถวพัทยา จ.ชลบุรี เรียกเขาเป็นนั้น โดยไม่ทราบว่าทำธุรกิจอะไร แต่เชื่อว่าต้องเข้าทำอะไรสักอย่าง เลยใช้ชื่อดังกล่าว ทำให้จ่าเอ็มเข้าใจว่าชื่อนายสมหวัง โดยรู้จักกันช่วงที่จ่าเอ็มเดือดร้อนถูกจะออกราชการ จากการกระทำความผิดทางวินัยหลายเรื่องจนนายสมหวังเข้ามาให้ความช่วยเหลือเงินทอง โดยเพื่อนหลายคนแนะนำไปหา "พี่หวัง" เขาช่วยเหลือได้
เมื่อถามต่อว่า การตรวจสอบโทรศัพท์ผู้ต้องหาเป็นอย่างไรนั้น ทางตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว โดยได้ประชุมร่วมกับชุดสืบสวนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาทุกวัน หลังไม่ได้ข้อมูลจากจ่าเอ็ม เราต้องแกะข้อมูลวิเคราะห์จากโทรศัพท์มือถือจ่าเอ็ม เมื่อได้แล้วก็ย้อนกลับไปถามจ่าเอ็ม เพื่อให้เขายืนยันอีกที เมื่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ชัดจ่าเอ็มถึงรับสารภาพ เพราะฉะนั้นพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับนายสมหวังนั้น เป็นพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ถามว่ามีรายละเอียดการโทรศัพท์นายสมหวังโทรหาจ่าเอ็มหลังเสร็จงานนั้น มีอยู่สำนวน
เมื่อถามว่าโอกาสได้ตัวนายสมหวังและคนชี้เป้านั้นมากน้อยแค่ไหน พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวว่า ทางผู้บังคับบัญชาทำเรื่องขอความร่วมมือไป ขอเป็นหมายแดง ขณะนี้กระบวนการอยู่ระหว่างรออนุมัติอยู่ ถ้ามีการประสานรับตัวผู้ต้องหาอย่างไรนั้น จะแจ้งให้ทราบต่อไป
เมื่อถามว่าจะถูกตัดตอนออกจากสำนวนหรือไม่ หลังมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองนั้น เรื่องสำนวนเป็นหลักฐานทางคดีที่ผบช.น. กำชับมาว่า ถึงใครให้ดำเนินการให้หมด ข้อมูลทางคดีนั้น มีหมายจับทั้หมดแล้ว ถึงยังไม่ได้ตัว ก็ต้องสั่งฟ้องผู้ต้องหาหลบหนีอยู่แล้ว ขอพี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวลทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าเป็นประเด็นอะไรกันแน่นั้น นำเรียนพี่น้องประชาชนว่า ตอนนี้เนื้อสำนวนมีการยิงกันในเขตพื้นที่ สน.ชนะสงคราม คนยิงรับสารภาพว่า คนนี้จ้างวานหลักฐานถึงเบื้องต้นเราได้แค่นี้ ตอนแรกที่เรายังไม่ได้ตัวจ่าเอ็ม ก็วิเคราะห์ข้อมูลจากสื่อต่างๆ ต้องขอบคุณสื่อที่ให้ข้อมูลชื่อ นายสมหวัง สื่อเป็นคนมาบอก ทำให้เราไปหาข้อมูลเพิ่มเติม พอได้ข้อมูลเท่านี้พยานหลักฐานก็ดำเนินการตามที่ได้มา แต่ในทางสืบสวนกองสืบนครบาลยังคงสืบสวนอยู่
ส่วนของตนเองทำสำนวนผู้ต้องหาที่ใช้จ้างวานหรือร่วมกันฆ่า เราก็ทำสำนวนไป ถ้ามีข้อมูลมากขึ้นดำเนินการต่อ โดยขณะนี้ยังมีผู้ต้องหา 4 ราย แต่ต้องดูว่ากระบวนการพาจ่าเอ็ม หลบหนี หรือจัดหารถจัดหาปืนมีหอีกรือไม่ แต่ในชั้นนี้ยังไม่พบใคร แต่เราได้สอบพยานไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรถ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ใครมีพฤติการณ์เข้าข่าย อย่างเช่น ชาคิต ทางพนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการขออนุมัติหมายจับ
ส่วนรถแท็กซี่ไม่เกี่ยวข้องประสบโดยพลันและจ่าเอ็มจ้างเอง ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วยที่ถูกพาดพิง