ข่าว

เปิดปมสั่งตาย ลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา ตร.พบข้อมูลในมือถือจ่าเอ็ม

เปิดปมสั่งตาย ลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา ตร.พบข้อมูลในมือถือจ่าเอ็ม

15 ม.ค. 2568

เปิดสาเหตุการสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา ตำรวจประมวลจาก ข้อมูลในมือถือจ่าเอ็ม – สอบปากคำ จนยอมเปิดปาก

15 ม.ค. 2568 จากคดีสังหารนายลิม กิมยา ชาวกัมพูชาสัญชาติฝรั่งเศส อดีต สส.กัมพูชา พรรคฝ่ายค้าน เหตุเกิดบริเวณตรงข้ามวัดบวรนิเวศ ใกล้วงเวียนสิบสามห้าง ย่านบางลำพู ท้องที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อเย็นวันที่ 7 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา

 

จ่าเอ็ม

 

ต่อมา สืบนครบาล ออกหมายจับและประสานการจับกุมนายเอกลักษณ์ หรือจ่าเอ็ม อายุ 41 ปี อดีตทหารเรือ มือปืน ขณะหลบหนีไปประเทศกัมพูชา และถูกส่งตัวมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยแล้ว และจับกุมนายชาคิต หรือชำนาญ อายุ 47 ปี คนขับรถกระบะพา จ่าเอ็ม หลบหนี

และ ออกหมายจับนายคิมริน พิช คนชี้เป้า ชาวกัมพูชา หนีกลับประเทศไปแล้ว โดยตำรวจไทยส่งหมายแดงประสานให้ตำรวจกัมพูชาติดตามจับกุม

 

นายลี ผู้จ้างวาน

 

นอกจากนี้จ่าเอ็มให้การซัดทอดถึงผู้จ้างวานเป็นผู้มีบุญคุณ และโทรมาตื้อจนต้องจำใจรับงานรับจ้างฆ่า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ นายลี รัตนรัศมี หรือ นายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ในความผิด 3 ข้อหา ได้แก่ เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ไม่ว่าด้วย การใช้บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยง ส่งเสริมหรือด้วยวิธีอื่นใด , พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง โดยศาลอนุมัติออกหมายจับเมื่อเย็นวันที่ 14 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เวลา 11.45 น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เปิดเผยว่า สำหรับสาเหตุการสังหาร ขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้ตัวนายลี เข้าสู่กระบวนการ แต่จากข้อมูลที่ทางตำรวจประมวลได้ ทั้งจากการตรวจสอบโทรศัพท์ จากการสอบสวนจ่าเอ็ม ให้การว่า นายลี มีความโกรธแค้นส่วนตัวกับผู้เสียชีวิต เลยให้จ่าเอ็มจัดการให้

 

ช่วงแรกจ่าเอ็ม ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการสอบปากคำ ตำรวจต้องตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์จากนั้นย้อนกลับมาสอบปากคำ จ่าเอ็ม ใหม่ เจ้าตัวถึงยอมให้ปากคำเพิ่มเติม แต่ขอให้ข้อมูลเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี

 

ทั้งนี้ก่อนลงมือ จ่าเอ็ม ไม่ทราบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นใคร รู้แต่เพียงรูปพรรณจากคนชี้เป้าว่า ผู้เสียชีวิตใส่เสื้อผ้าอย่างไร นั่งอยู่ตรงไหนของรถ พอขี่รถจยย.มาถึงจุดเกิดเหตุก็ลงมือ

 

พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1

 

เมื่อถามต่อว่า กำหนดหรือไม่ว่าต้องลงมือสังหารในไทยเนื่องจากผู้จ้างวานและเป้าหมายเป็นคนกัมพูชา ผบก.น.1 กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูล แต่การที่มีการออกหมายจับ เพราะตำรวจมีพยานหลักฐานว่า นายลี เป็นผู้จ้างวาน และผู้สั่งการ หากได้ตัวนายลี มาแล้ว ก็จะนำตัวเข้าสู่กระบวนการต่อไป

 

จากการตรวจสอบข้อมูลนายลี หรือนายสมหวัง เข้ามาในไทย เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 22.00 น. ไปอยู่ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และสั่งการจากที่ จ.ชลบุรี เหตุเกิดวันที่ 7 ม.ค. 2568 นายลีออกไปวันที่ 8 ม.ค. 2568 ช่วงเช้า ไปประเทศเพื่อนบ้านช่องทางปกติ

 

จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้ นายลีเดินทางมาไทยกว่า 100 ครั้ง แต่ยังไม่ทราบว่า เข้ามาทำอะไร ขณะนี้อยู่ระหว่างขอหมายแดง โดยประสานกับทางกองการต่างประเทศแล้วผู้บังคับบัญชากำชับว่า ถ้าหากพยานหลักฐานไปถึงใครให้ดำเนินการจับกุมทั้งหมด

 

"ส่วนผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 4 คนหรือไม่ ขณะนี้ได้นำผู้ที่ให้การช่วยเหลือจัดหาปืน หรือให้ยืมรถกระบะใช้พามือปืนหลบหนี เรียกมาสอบปากคำและกันไว้เป็นพยาน รวมทั้งจะขยายผลต่อไป” ผบก.น.1 กล่าว

 

พล.ต.ต.อัฏธพร กล่าวถึงกรณีตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นชาวกัมพูชา อาจไม่ได้รับความร่วมมือในการส่งตัว เพราะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน และอาจจะถูกตัดตอนด้วยเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในประเทศนั้น ได้เร่งประสานงานกับทางการกัมพูชาและติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาดำเนินคดีแล้ว

 

มีรายงานว่า พยานหลักฐานเส้นทางการเงิน ที่นายสมหวังโอนให้ จ่าเอ็ม จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกโอนช่วงบ่ายของวันที่ 7 ม.ค. 2568 จำนวน 30,000 บาท หลังจากก่อเหตุแล้วในเวลา 17.45 น. โอนเงินให้จ่าเอ็ม อีกครั้งในเวลา 17.50 น. จำนวน 30,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อหลบหนี  

 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.

 

ต่อมา เวลา 13.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เดินทางมาประชุมที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) ร่วมกับ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. , รองผบช.น. เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่สำคัญในพื้นที่นครบาล

 

โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึงคดีสังหารนายลิม กิมยา ว่า ได้รับรายงานว่าหลังเกิดเหตุ ตำรวจได้พิสูจน์ทราบผู้กระทำความผิดได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง และสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้  ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกับทางฝั่งกัมพูชาเพื่อติดตามผู้ต้องหาอีก 2 คนที่หลบหนีมาดำเนินคดี

 

จากการสอบสวนทราบว่า การก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความขัดแย้งส่วนตัว ระหว่างผู้จ้างวานและผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ยืนยันว่า ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับประเทศ การพูดในครั้งนี้ไม่ได้ปกป้อง หรือพูดเพื่อเอาใจใคร แต่แนวทางการสืบสวนสอบสวนออกมาชัดเจน