ตร. เร่งไขปม โจรงัดตู้เซฟ เจ้าของทิ้งไว้ 8 ปี สูญทรัพย์สินกว่าร้อยล้าน
ตร.ห้วยใหญ่ ค้นบ้านชาวจีนหาหลักฐานโจรงัดตู้เซฟ มูลค่าร้อยล้าน พบเจ้ของทิ้งไว้นาน 8 ปี ขณะที่คนเช่ายืนยันไม่รู้เรื่อง
ความคืบหน้ากรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนก่อเหตุงัดบ้านนักธุรกิจชาวจีน (ทำบริษัททัวร์ในประเทศไทย) บริเวณ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยขึ้นไปงัดตู้เซฟขนาดใหญ่ในห้องพักชั้น 2 ก่อนจะกวาดทรัพย์สิน - นาฬิกาข้อมือราคาแพง ร่วมมูลค่ากว่า 100 ร้อยบาท
17 ม.ค. 2568 พ.ต.อ. อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก. , พ.ต.ท.พรพรหม ม่วงบังยุง รอง ผกก.สส. , พ.ต.ท.นิติภูมิ บุตรวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) พร้อมด้วย ชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี (พฐ.) เดินทางลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาร่องรอยเบาะแสของคนร้าย รวมถึงการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงภายในห้องพักที่เกิดเหตุ และยังมีการตรวจสอบบริเวณรอบด้านของบ้านที่เกิดเหตุ โดยด้านหลังบ้านเป็นกำแพง และเป็นไร่มันสำปะหลัง
ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมีการตรวจสอบตู้เซฟอย่างละเอีดยดอีกครั้ง ซึ่งลักษณะของตู้เซฟใบดังกล่าว มีขนาดความกว้าง 1 เมตร สูง 1.50 เมตร น้ำหนักรวม 250 กิโลกรัม ด้านขอบตู้เซฟทั้ง 4 ด้าน ถูกหล่อด้วยปูนและหุ้มด้วยเหล็กอย่างหนา ตัวบานประตูเซฟถูกงัดด้วยชะแลงเหล็กจนพังเสียหายและมีเศษปูนแตก จนเศษปูนกระเด็นกระจัดกระจาย และคราบฝุ่นจากปูนเต็มไปทั่วบริเวณ
ส่วนกล่องใส่นาฬิกาข้อมือเป็นลักษณะกล่องไม้ สามารถใส่นาฬิกาได้ถึง 10 เรือน วางอยู่เรียงรายจำนวน 8 กล่อง และยังพบกล่องนาฬิกาข้อมือยี่ห้อดังจำนวน 1 กล่อง แต่เป็นเพียงกล่องเปล่า ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่ พนักงานสอบสวน เร่งสอบปากคำ นายหยูเฉา เชา ( Mr.Youchao Cho ) อายุ 43 ปี ชาวจีน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยอ้างว่า เป็นเพื่อนกับเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นชาวจีนเหมือนกัน ให้มาพักอาศัยบ้านหลังดังกล่าว และคอยดูแลบ้านให้ แต่ล่าสุดจากการสอบปากคำ นายหยูเฉา เชา ให้การกับตำรวจว่า ได้มาอยู่บ้านหลังดังกล่าวได้ประมาณ 4 เดือน ก่อนหน้านี้พยายามหาบ้านเช่าในประเทศไทย แต่เพื่อนได้แนะนำให้มาอยู่บ้านหลังดังกล่าว พร้อมทั้งให้ช่วยดูแลบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านตัวจริงอยู่ประเทศจีน เจ้าตัวยังคงยืนยันว่า เป็นเพียงผู้พักอาศัยอยู่ภายในบ้าน แต่ไม่รู้ว่าภายในตู้เซฟมีทรัพย์สินอะไรอยู่บ้าง และยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการตรวจสอบของตำรวจพบว่า มีชาวจีนและคนไทยร่วมซื้อบ้านหลังดังกล่าว โดยชาวจีนซึ่งทราบชื่อเพียงว่า “นาย หวัง เหลียง เฉิน” นำตู้เซฟใบดังกล่าวมาวางไว้ในห้องพักเมื่อ 8 ปี ก่อน ซึ่งในขณะนั้น นาย หวัง เหลียง เฉิน ได้ร่วมกับคนไทยเปิดบริษัททัวร์ในประเทศไทย แต่พอเดินทางกลับไปประเทศจีนก็ถูกดำเนินคดี ไม่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทยนานกว่า 8 ปีแล้ว
ด้านทรัพย์สินที่หาย มีการกล่าวอ้างว่า มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นนาฬิกาข้อมูลหรูราคาแพง ขณะนี้ตำรวจไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะทางผู้เสียหายหรือเจ้าของตัวจริง ยังไม่มีมีการมาแสดงหลักฐานยืนยัน แต่ในขณะนี้ตำรวจอยู่ในระหว่างการตรวจสอบและแกะรอจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาจุดเชื่อมโยง คนร้ายเข้ามาลงมือก่อเหตุในช่วงเวลาใด และเชื่อว่าคนร้ายเจาะจงเข้ามางัดตู้เซฟโดยเฉพาะ โดยคิดว่าภายในตู้เซฟต้องมีทรัพย์สินอะไรบางอย่าง