บังขายโรตี ปฏิเสธกระทำอนาจารเด็ก 8 ขวบ แต่ยอมรับทำเช่นนี้ ก่อนโยนลงน้ำ | คมชัดลึก

ความคืบหน้าการสอบปากคำนายอับดุลย์ หนุ่มพม่า อายุ 25 ปี มีอาชีพขายโรตี คนร้ายฆาตกรรมน้องไต๋ เด็กชายวัย 8 ขวบ โดยการล่อขึ้นรถจักรยานยนต์พาไปร้านสะดวกซื้อ ก่อนพาไปกลางป่าหวังอนาจาร แต่เด็กขัดขืน จึงบีบคอ จนเด็กแน่นิ่ง จากนั้นโยนลงบ่อน้ำ  

 

24 ม.ค. 2568 เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ต.จิรวัฒน์ อ่องสา พนักงานสอบสวน สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมแจ้ง 5 ข้อหา โดย 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยปราศจากเหตุอันสมควร 2.พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร 3.ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการ เกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย 4.เป็นบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟลามีน) โดยผิดกฎหมาย  

ในส่วนของข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ต้องรอผลจากสถาบันนิติเวช 45 วัน เมื่อผลออกแล้วจึงสามารถนำมารวมรวมในสำนวนคดีเพื่อดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายต่อไปและในวันพรุ่งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะมีการนำตัว นายอับดุลย์ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ 

 

สำหรับการสอบปากคำนายอับดุลย์ มีท่าทีนั่งก้มหน้ามองต่ำและกุมมือตลอดเวลา เบื้องต้นยังให้การภาคเสธ ยอมรับว่าได้มีบีบจนทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่ปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการข่มขืนเด็ก ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุไม่ใช่รถของตัวเอง แต่เป็นรถจักรยานยนต์ของเพื่อนชาวเมียนมา ที่ตนใช้ขับขี่เป็นประจำ และยอมรับว่าได้เสพยาเมื่อ 3 วันที่แล้ว จำนวน 2 เม็ด ที่ห้องพักซอยจ่าเหวก ซึ่งซื้อมาจากเพื่อนชาวเมียนมาที่พักอยู่ในซอยจ่าเหวกเช่นเดียวกัน 

ทั้งนี้นายอับดุลย์ยังบอกอีกว่า สนิทคุ้นเคยกับน้องไต๋ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน อ้างไม่เคยพาไปซื้อขนม โดยวันเกิดเหตุคือ วันแรก แต่เคยให้เงินน้อง 2 ครั้ง จำนวน 10 บาทและ 5 บาท 

 

หลังสอบปากคำผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายอับดุลย์ว่า ได้ทำน้องไต๋หรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่ารอยแดงที่เกิดขึ้นนั้น ตนไม่ได้ทำ แต่ยอมรับว่า เมา จึงได้เอาเถาวัลย์พันคอน้องไต๋ หลังพันคอเสร็จ น้องไต๋ได้นิ่งไป ตนตกใจจึงโยนร่างน้องลงน้ำ และอยากขอโทษย่ากับแม่ของน้องไต๋ ตนยอมรับว่า ตอนนั้นเมามากและขาดสติ 

 

ส่วนกรณีที่ญาติสงสัยว่า หลังจากนายอับดุลย์ไปช่วยหาศพน้องไต๋แล้ว ได้ขับรถหายออกไปจากบ้านนานกว่า1ชั่วโมง นายอับดุลย์ไปไหน เจ้าตัวปฏิเสธและอ้างว่าตนไม่ได้กลับไปทำลายหลักฐานที่เกิดเหตุ แต่ตนขับรถไปวัดแขกไปซื้อลูกชิ้น เพราะตกใจอยู่คิดว่าตนจะทำไงดี 

 

ส่วนที่ตำรวจพบขนเพชรขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในห้องพัก นายอับดุลย์ อ้างว่า ตนโกนขนเพชรก่อนเกิดเหตุ 2สัปดาห์ เนื่องจากต้องไปละมาด จึงจำเป็นต้องโกนขนเพชรออกไป

 

ผู้สื่อข่าวรานงานว่า ระหว่างตอบคำถาม นายอับดุลย์พูดจาวกไปวนมา ลักษณะท่าทางมีการนึกคิดก่อนตอบตลอดเวลา  และอ้างแค่ถอดกางเกงน้องเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ยืนยันว่าที่พูดมาเป็นความจริง