ข่าว

พ่อแม่แทบช็อค ลูกกินยาพารา 30 เม็ด หวังลาโลก ถูกเพื่อนที่ รร. รุมแกล้งสารพัด

พ่อแม่แทบช็อค ลูกกินยาพารา 30 เม็ด หวังลาโลก ถูกเพื่อนที่ รร. รุมแกล้งสารพัด

27 ม.ค. 2568

แม่ ร้อง "ปวีณา" ลูกสาว ม .2 ถูกเพื่อน รุ่นน้อง รุ่นพี่ รุมแกล้ง จนป่วยซึมเศร้าแอบกินยาพารา 30 เม็ด โชคดีล้างท้องทัน ไม่จบ! ยังถูกส่งข้อความเยาะเย้ยต่อ

27 ม.ค.2568 67 แม่พาลูกสาวนักเรียนชั้น ม.2 วัย 14 ปี เดินทางจาก จ.กำแพงเพชร ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังลูกสาวตัดสินใจจบชีวิต กินยาพารา 30 เม็ด เพราะถูกกลุ่มเด็กนักเรียนชาย 4 คน รุมบูลลี่ ทำร้ายร่างกาย เตะ ต่อย ถีบ เป็นประจำมานานถึง 8 เดือนจนเครียดสะสมป่วยซึมเศร้า

 

แม่เหยื่อ เล่าว่า ปกติแล้วลูกสาวเป็นเด็กค่อนข้างอ่อนแอ ไม่สู้คน ไปโรงเรียนทุกวัน ลูกสาวถูกเพื่อนนักเรียนชาย ม.2 ในห้องเรียนเดียวกัน 2 คน ร่วมกับรุ่นน้อง ม.1 และรุ่นพี่ ม.3 รวม 4 คน คอยกลั่นแกล้ง บูลลี่ ทำร้ายร่างกายเป็นประจำ เตะฟุตบอลอัดใส่ที่ใบหน้า ถีบหลัง ใช้เท้าพาดไหล่ ตบศีรษะ ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2567 เป็นเวลา 8 เดือน ลูกสาวเครียดจัดไม่อยากไปโรงเรียน ที่ผ่านมานำเรื่องไปบอกครู ซึ่งครูก็ได้ทำโทษกลุ่มนักเรียนชายและทำทัณฑ์บนไว้ 
 

แต่ทั้ง 4 คน ก็ยังแกล้งลูกสาวและหนักกว่าเดิม จนกระทั่งวันที่ 17 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา ลูกสาวเครียดจัด คิดสั้นกินยาเกินขนาด 30 เม็ด หวังจบชีวิต พ่อแม่เห็นพอดีรีบพาลูกส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการล้างท้องช่วยไว้ได้ทัน ต้องนอนโรงพยาบาล 3 คืน 4 วัน แพทย์วินิจฉัยว่า ลูกสาวมีอาการเครียดสะสม ป่วยซึมเศร้า แม่ต้องการจะย้ายโรงเรียนให้ลูก และอยากให้มีการลงโทษและปรับพฤติกรรมเด็กนักเรียนชายกลุ่มนี้จะได้ไม่ไปทำกับเด็กคนอื่นอีก 

 

พ่อแม่แทบช็อค ลูกกินยาพารา 30 เม็ด หวังลาโลก ถูกเพื่อนที่ รร. รุมแกล้งสารพัด

 

ลูกสาวเล่าให้ฟังว่า เริ่มถูกกลั่นแกล้งตั้งแต่ ม.2 เทอม 1 โดยเด็กนักเรียนชาย 2 คนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันชอบบูลลี่หน้าตา ด่าหยาบคาย ตบศีรษะ ถีบหลัง ยกขาพาดไหล่ เอาหนังสือเรียน และสมุดเรียน รองเท้านักเรียน เสื้อคลุมนักเรียนไปทิ้งถังขยะหลังห้องเรียน ค้นกระเป๋าเอาผ้าอนามัยไปเล่นและไปแขวนหน้าห้องเรียนตะโกนพูดว่าเป็นของลูกสาว ทำให้อายคนอื่น ที่หนักสุดวันที่ 14 มิ.ย. 2567 ขณะที่ลูกสาวนั่งอยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่ข้างสนามฟุตบอล 1 ในเด็กนักเรียนชาย แกล้งเตะฟุตบอลมาอัดใส่หน้าอย่างจังจนหน้ามืดเป็นลม ขณะที่่เด็กนักเรียนชายอีกคน ยืนดูอยู่ก็หัวเราะชอบใจ 

หลังเกิดเหตุลูกสาวไปบอกครูที่ปรึกษา ซึ่งครูทำการตักเตือนไปแล้ว แต่เด็กนักเรียนชายทั้ง 2 คน ก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมกลั่นแกล้งลูกสาวตนมาโดยตลอด แถมยังข่มขู่ห้ามไปบอกครูหรือบอกพ่อแม่อีก ไม่งั้นจะโดนหนักกว่าเดิม และเวลาที่เพื่อนผู้หญิงจะเข้าไปช่วยก็ถูกเด็กทั้ง 2 คน ข่มขู่ด้วยเช่นกัน  

นอกจากนี้ เด็กนักเรียนชาย รุ่นน้อง ม.1 อายุ 13 ปี ก็ชอบแกล้งผลักลูกสาว ด่าหยาบคาบทุกครั้งที่เจอหน้า ขณะที่รุ่นพี่ ม.3 ก็ทำร้ายลูกสาว เช่น เตะก้อนหินใส่หัวและขา จุดไฟแช็กใส่หน้า และบลูลี่ 

แม่ เล่าต่อว่า เวลาที่ลูกสาวถูกกลั่นแกล้งจะอดทนไม่กล้าบอกครูและพ่อแม่ มีแค่บางครั้งที่ลูกสาวทนกับเหตุการณ์ไม่ไหวถึงจะมาบอก และดูเหมือนว่า ลูกสาวจะถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจหนักขึ้นเรื่อยๆ แม่มาสังเกตเห็นว่า ระยะหลังเวลาลูกสาวเลิกเรียนกลับมาบ้าน มักจะบ่นปวดหัวอยู่ตลอด ไม่อยากไปโรงเรียน แม่จึงพาลูกไปหาหมออยู่บ่อยครั้ง ก็พบว่าลูกมีอาการเครียด กระทั่งลูกสาวคิดสั้นกินยาเกินขนาด ตนเสียใจมากที่ลูกทำแบบนี้ ตนถามเหตุผลทำไมลูกถึงจะฆ่าตัวตาย ลูกบอกว่า "ถูกเพื่อนแกล้ง ครูก็ได้แต่ทำทัณฑ์บนเรียกตักเตือนเท่านั้น ไปโรงเรียนก็โดนหนักกว่าเดิมทุกวัน ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว" ฟังแล้วใจแม่แทบสลายอยากจะช่วยลูกให้ได้ 

ซ้ำร้ายหลังจากส่งลูกสาวไปล้างท้องรอดชีวิตแล้ว เมื่อเพื่อนที่โรงเรียนรู้ข่าว มีกลุ่มเพื่อนของเด็กนักเรียนชายทั้ง 4 คน ที่ก่อเหตุยังได้ส่งข้อความมาเยาะเย้ย เหน็บแนมว่า “โดนแค่นี้ถึงกับเป็นซึมเศร้าเลยหรือ?” หลังได้ข้อความลูกสาวก็พยายามจะฆ่าตัวตายอีก ทุกคนในครอบครัวจึงต้องดูแลน้องอย่างใกล้ชิด แม่คิดว่าเรื่องจะไปกันใหญ่แล้ว จึงมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ 

ขณะที่นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ประสาน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. เพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งนี้ ในพื้นที่จ.กำแพงเพชร โดยได้มอบหมายให้ นายธีร์ดนย์ ศรีฟ้า ผอ.กลุ่มส่งเสริมความสุขและความปลอดภัย ศสป สพฐ. มาร่วมประชุมกับนางปวีณาและแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหาย เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพจิตใจ ตั้งคณะกรรมการสอบโรงเรียนให้มีมาตราการลงโทษนักเรียนผู้กระทำผิด ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีกในโรงเรียนอีก

 

โดย ผอ.กลุ่มส่งเสริมความสุขและความปลอดภัย ศสป สพฐ. กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใน จ.กำแพงเพชร เรื่องการย้ายโรงเรียนของน้อง ซึ่งช่วงนี้ใกล้จะจบภาคการศึกษาช่วงชั้นเรียน ทางโรงเรียนเดิมจึงจะได้จัดการเรียนการสอนให้กับน้องที่บ้าน เพื่อให้จบชั้น ม.2 ก่อนจะย้ายไปโรงเรียนใหม่ ขณะเดียวกันทางกระทรวงศึกษาธิการมีนักจิตวิทยาส่งเข้าไปดูแลสภาพจิตใจของน้องด้วย โดยกระทรวงศึกษาธิการจะติดตามการช่วยเหลือดูแลสภาพจิตใจของน้องทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป 

 

นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาใน จากการประชุมร่วมและรับเรื่อง โดยได้ข้อสรุปดังนี้ 1.ย้ายโรงเรียนให้เด็กนักเรียนหญิงผู้เสียหาย 2.ให้ตั้งคณะกรรมการสอบโรงเรียนให้มีมาตรการลงโทษนักเรียนผู้กระทำผิด ซึ่งเด็กที่กระทำผิดต้องถูกลงโทษและปรับพฤติกรรม และให้ผู้ปกครองเข้ามารับทราบเนื่องจากนักเรียนที่กระทำความผิดยังเป็นเยาวชน ซึ่งไม่ควรจะทำแบบนี้กับเพื่อน 3.ดูแลสภาพจิตใจเด็กนักเรียนหญิงผู้เสียหายโดยทางกระทรวงศึกษาธิการ และนางปวีณาได้ประสาน นางสาวมะลิวัน สิทธิโยธี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกำแพงเพชร ลงพื้นที่บ้านของเด็กหญิงผู้เสียหายเพื่อร่วมฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วย โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะร่วมกับ สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ช่วยเหลือเด็กหญิงวัย 14 ปี นักเรียนหญิงม.2 ผู้เสียหายรายนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป

 

พ่อแม่แทบช็อค ลูกกินยาพารา 30 เม็ด หวังลาโลก ถูกเพื่อนที่ รร. รุมแกล้งสารพัด